EXIM BANKชูนวัตกรรมสีเขียว ลดต้นทุน เพิ่มขีดแข่งขันห่วงโซ่ส่งออกไทยทุกระดับ

HoonSmart.com>>EXIM BANK มองส่งออกปีนี้โตครั้งแรกในรอบ 2 ปี จากสินค้าหลากหลาย รวมถึงสินค้ารักษ์โลกที่มีมูลค่าเพิ่ม ผู้บริโภคทั่วโลกยอมจ่ายในราคาสูงขึ้น ผลจากการเสนอผลิตภัณฑ์นวัตกรรมทางการเงินสีเขียว (Greenovation) ล่าสุดให้ดอกเบี้ยพิเศษทั้งคนตัวใหญ่-ตัวเล็กตลอด Supply Chain ส่งออกที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โชว์ผลงานไตรมาส 1/67 อนุมัติสินเชื่อใหม่ 5,853 ล้านบาท สินเชื่อคงค้าง-ภาระผูกพัน 174,196 ล้านบาท โต 7% กำไรดำเนินงาน 805 ล้านบาท โต 18.71%  

 

 

ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยในปี 2567 มีแนวโน้มกลับมาขยายตัวอยู่ที่ระดับ 2-3% เนื่องจากเครื่องยนต์สำคัญกลับมาขยายตัวพร้อมกันในรอบ 6 ปี ได้แก่ การบริโภคและการลงทุนทั้งภาครัฐและภาคเอกชน การท่องเที่ยว ตลอดจนเครื่องยนต์สำคัญอย่างการส่งออก มีแนวโน้มขยายตัว 2-3% นับเป็นครั้งแรกในรอบ 2 ปี เป็นผลจากเศรษฐกิจโลกและการค้าโลกมีแนวโน้มขยายตัว 3.2% และ 2.8% ตามลำดับ ราคาน้ำมันโลกและราคาโภคภัณฑ์ต่าง ๆ มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ทำให้ราคาสินค้าส่งออกปรับตัวสูงขึ้นตาม

 

อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจยังมีความไม่แน่นอนจากความขัดแย้งภูมิรัฐศาสตร์ การฟื้นตัวช้าของภาคการผลิต และหนี้ครัวเรือนในระดับสูง ซึ่งผู้ประกอบการไทยต้องปรับตัวและแสวงหาโอกาสใหม่ ๆ ในตลาดโลก โดยยกระดับคุณภาพและมูลค่าสินค้าเพื่อเจาะตลาดที่มีความต้องการสินค้าไทย โดยเฉพาะสินค้าอาหาร เครื่องดื่ม เครื่องใช้ในบ้าน อุปกรณ์ Gadgets และสินค้ารักษ์โลก เช่น อาหาร ผู้บริโภคยอมซื้อในราคาที่สูง จะได้กำไรประมาณ 2-5 เท่า ขณะเดียวกันต้องติดตามข่าวสารและปฏิบัติตามมาตรการทางการค้าด้านสิ่งแวดล้อมในการส่งออกไปตลาดสำคัญของโลก เช่น สหรัฐฯ สหภาพยุโรป (EU) จีน ญี่ปุ่น และอินเดีย ซึ่งคิดเป็น 51% ของมูลค่าส่งออกรวมของไทยในปี 2566

ทั้งนี้ ข้อมูลจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ระบุว่า ในปี 2564 สัดส่วนการส่งออกสินค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมของไทยอยู่ที่ 7.6% ของมูลค่าส่งออกรวม ต่ำกว่าหลายประเทศ อาทิ เยอรมนี (15.4%) ญี่ปุ่น (15%) จีน (10.4%) และเกาหลีใต้ (10.2%)

EXIM BANK จึงได้พัฒนา Greenovation ที่มุ่งยกระดับสินค้าส่งออกของไทยเป็นสินค้ารักษ์โลกหรือ Green Products ควบคู่กับการสร้าง Green Export Supply Chain ตั้งแต่การจัดหาวัตถุดิบที่ไม่ทำร้ายสิ่งแวดล้อม กระบวนการผลิตที่ลดการปล่อยมลภาวะ บรรจุภัณฑ์ที่ย่อยสลายเองได้ตามธรรมชาติ และการขนส่งที่ใช้พลังงานสะอาด เป็นต้น

“EXIM BANK นับเป็นธนาคารแรก ๆ (Lead Bank) ที่มี Solution ทางการเงินช่วยลดก๊าซเรือนกระจกได้ครบทุก Scope ทั้ง 1-2-3  คือ สนับสนุนการปรับเปลี่ยนกระบวนการผลิตให้สะอาดขึ้น การใช้พลังงานหมุนเวียน และการช่วยให้ Suppliers ดำเนินธุรกิจอย่างเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม หากไม่ปรับเปลี่ยนจะแข่งขันลำบากในตลาดส่งออก เพราะต้นทุนสูงขึ้น ทั้งด้านพลังงาน ค่าระวางเรือ ค่าเงินบาทผันผวนมากอันดับต้นๆ และมาตรการดูแลเรื่องสิ่งแวดล้อมของต่างประเทศ ทำให้ราคาสินค้าของไทยสูงขึ้น เช่น การส่งออกข้าวจากตันละ 18,000 บาท เพิ่มเป็น 24,000 บาท สู้อินเดียไม่ได้ เนื่องจากการปลูกข้าว 1 ตัน ปล่อยคาร์บอนเครดิตสูง ต้องเสียภาษีแพง”

ทั้งนี้ EXIM BANK สนับสนุนสินเชื่อให้แก่ Green Export Supply Chain อัตราดอกเบี้ยพิเศษ เริ่มต้นที่ 3.85% ต่อปี ให้แก่ Suppliers และผู้ซื้อปลายทางของผู้ประกอบการตลอด Supply Chain ที่เกี่ยวเนื่องกับการส่งออก ช่วยให้ผู้ประกอบการรายเล็ก รายกลาง และรายใหญ่ สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนด้วยต้นทุนที่ต่ำได้ โดยอ้างอิงอัตราดอกเบี้ยที่ผู้ประกอบการรายใหญ่ (Sponsors) ได้รับ

การพัฒนา Greenovation และความต้องการสินเชื่อที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้การดำเนินงานของ EXIM BANK ในไตรมาสแรก(ม.ค.-มี.ค. 2567) สนับสนุนผู้ประกอบการไทยสู่เวทีโลก มีความสามารถแข่งขันได้ในตลาดโลกและขยายการค้าและการลงทุนทั้งในและต่างประเทศ ควบคู่กับการยกระดับธุรกิจไทยให้คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลกิจการที่ดี (ESG) สู่การเติบโตอย่างยั่งยืน  โดยมีวงเงินอนุมัติสินเชื่อใหม่ 5,853 ล้านบาท มีสินเชื่อคงค้างและภาระผูกพัน 174,196 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11,474 ล้านบาท หรือ 7.05% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งสูงกว่าระบบธนาคารพาณิชย์ที่สินเชื่อเติบโตไม่ถึง 2%

ขณะเดียวกันส่งต่อความยั่งยืนเพื่อสังคม มีสินเชื่อคงค้างและภาระผูกพันที่เป็น ESG 67,310 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 38.64% ของยอดทั้งหมด และเพิ่มขึ้นถึง 55.19% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ในจำนวนนี้เป็น SMEs จำนวน 12,475 ล้านบาท พร้อมสร้างโอกาสการลงทุน  มีสินเชื่อคงค้างและภาระผูกพันเพื่อการลงทุน 127,516 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.14%  มีสินเชื่อคงค้างและภาระผูกพันในโครงการระหว่างประเทศทั้งสิ้น 50,210 ล้านบาท  แบ่งเป็นตลาดที่สำคัญที่มีศักยภาพในกลุ่ม CLMV และ New Frontiers จำนวน 43,257 ล้านบาทและเสริมเกราะป้องกันความเสี่ยง มีปริมาณธุรกิจบริการประกันการส่งออกและการลงทุนเท่ากับ 54,092 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.45% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

ณ สิ้นเดือนมี.ค. 2567 EXIM BANK มีลูกค้าจำนวน 5,607 ราย เป็นกลุ่ม SMEs มากถึง 81.15% นอกจากนี้ EXIM BANK ยังสนับสนุนผู้ประกอบการอย่างครบวงจร ผ่านการบ่มเพาะ/ให้ความรู้ จับคู่ทางธุรกิจ และให้คำปรึกษาทางการเงิน  ได้ส่งเสริมศักยภาพผู้ประกอบการสะสมประมาณ 19,840 ราย

นอกจากนี้ EXIM BANK ให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการทางการเงินเพื่อความยั่งยืน โดยมีสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPLs) จำนวน 8,600 ล้านบาท คิดเป็นอัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ต่อสินเชื่อรวม (NPL Ratio) เท่ากับ 4.99% และมีค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (Expected Credit Loss) จำนวน 15,972 ล้านบาท ซึ่งอยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง คิดเป็นอัตราส่วนค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นต่อสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (Coverage Ratio) 185.72% ส่งผลให้ ณ สิ้นไตรมาสที่ 1/2567  EXIM BANK มีกำไรจากการดำเนินงาน 805 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.71% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 132 ล้านบาท

“ปี 2567 EXIM BANK เดินหน้า Go the Extra Mile ชูบทบาท Green Development Bank สร้าง Greenovation ช่วยเหลือผู้ประกอบการไทยทุกขนาดธุรกิจใน Green Export Supply Chain ให้ได้รับอัตราดอกเบี้ยพิเศษโดยอ้างอิงกับผู้ประกอบการรายใหญ่ พัฒนาสินค้ารักษ์โลกของไทยสู่ตลาดโลก เร่งเครื่องภาคส่งออกของไทยขยายตัวครั้งแรกในรอบ 2 ปี สร้างสังคมคาร์บอนต่ำ แก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมโลก พร้อมขานรับนโยบายรัฐบาลปรับลดอัตราดอกเบี้ย Prime Rate เทียบเท่า MRR รวม 0.40% ต่อปีนับแต่ต้นปีนี้ เหลือ 6.35% ต่อปี เป็นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายย่อยชั้นดีที่ต่ำที่สุดในระบบธนาคาร ช่วยลดภาระให้กับผู้ประกอบการ โดยเฉพาะกลุ่ม SMEs อีกทั้งยังพัฒนา Greenovation อย่างต่อเนื่อง เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาอย่างยั่งยืนตั้งแต่ระดับชุมชน ประเทศชาติ และโลกโดยรวม” ดร.รักษ์ กล่าว