HoonSmart.com>>บล.คาดตลาดหุ้น รอผลประชุม FOMC วางแนวรับดัชนี 1,167-1,172 จุด ส่วนแนวต้าน 1,183-1,189 จุด ชี้เป้า 12 หุ้นแกร่ง ปัจจัยพื้นฐานดีมีกำไร พร้อมเสิร์ฟหุ้นสัญญาณเทคนิคหนุน NCAP, BTG
บริษัทหลักทรัพย์ดาโอ คาดดัชนี rebound ต่อ โดยจะมีการสลับกลุ่มเล่น รอผลประชุม FOMC คืนนี้ ทรงตลาดหุ้นไทยยังเป็น technical rebound คือมีแรงซื้อเข้า สัญญาณสำคัญของตลาด คือ ปรับตัวขึ้นติดต่อกัน 3 วัน หรือสูงกว่า 1,190 จุด จึงจะเป็นสัญญาณที่ดี
กลยุทธ์ ทยอยซื้อหุ้นพื้นฐานดี หรือเลือกเก็งกำไรรอบสั้นๆ ในหุ้นที่มี ข่าวบวกเสริม โดยหุ้น 12 ตัว ที่เราคาดว่าจะเป็นผู้ชนะ (Winner) โดยพิจารณาจากำไรดี มีความแข็งแรงไว้ สำหรับปี 2568 ประกอบด้วย ADVANC, BDMS,CPALL, CPAXT, CPN, CRC, GULF, MINT, MTC, PLANB, SAWAD,WHA
ด้านมุมมองทางเทคนิค ดัชนียังมีความผันผวนในกรอบจำกัด คาดหวังการขยับ High ที่เข้าใกล้ 1,200 จุด แนวรับ 1,167-1,172 จุด ส่วนแนวต้าน 1,183-1,189 จุด หุ้นแนะนำทางสัญญาณเทคนิคได้แก่ NCAP, BTG
สินทรัพย์การเงินส่วนใหญ่จะซื้อขายเบาบางลงในวันนี้(19) เพื่อรอดูผลประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่นที่จะออกมาในระหว่างวัน (คาดคงดอกเบี้ย0.50% , BOJ) และคืนนี้ จะทราบผลประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (FOMC) ที่คาดจะยังคงดอกเบี้ยไว้ที่เดิมคือ Fed ที่อัตรา 4.25-4.50% การประชุมครั้งนี้อาจไม่ได้มีผลกับตลาดมาก หลังผ่านการประชุม ปริมาณการซื้อขาย
ของตลาดจะกลับมาซื้อขายตามปกติอีกครั้ง นอกจากว่า Fed และ BOJ จะปรับอัตราดอกเบี้ย เพราะจะ surprise ต่อนักลงทุน
ด้านผู้นาสหรัฐฯ-รัสเซีย ตกลงกันในเรื่องการเตรียมยุติสงคราม ถือเป็นข่าวที่ดี แต่ฝรั่งตะวันออกกลาง กลับมาตึงเครียดอีกครั้ง อิสราเอลเปิดฉากโจมตี ทางทหารทั่วฉนวนกาซา ท าลายข้อตกลงหยุดยิงที่ด าเนินมาเกือบสองเดือน เนื่องจากอฮามาส ปฏิเสธปล่อยตัวตัวประกันถ้าไม่รับข้อเสนอใดๆ จากสหรัฐฯ ความรุนแรงจากสงครามกดดันเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด
ทองคาทา new high แตะ 3,017.25 ดอลลาร์/ออนซ์ เนื่องจากความกดดันจากสงครามและนโยบายภาษีของทรัมป์
ส่วนประเด็นที่อดีตนายกทักษิณ เสนอให้เอกชนลงทุนซื้อหนี้ประชาชนทั้งหมดออกจากธนาคารพาณิชย์ เพื่อแก้วิกฤตหนี้ครัวเรือน ด้าน รมว. คลังรับเรื่องไปพิจารณา มอง NPLs ในปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 1.2 ล้านล้านบาท แต่หากซื้อเฉพาะหนี้เพื่อการบริโภค+บัตรเครดิตจะมีมูลค่า 5.5 ล้านล้านบาท หรือ 30.7% ของหนี้ ธพณ.ทั้งหมด 18.1 ล้านล้านบาท เรามองว่าถ้าจะทำจริง น่าจะเป็นการซื้อเพียงหนี้ดี(ปกติ) ซึ่งจะกระทบต่อรายได้จากดอกเบี้ยเงินกู้ ธพณ.ที่จะลดลง และอาจกระทบไปถึงหุ้นที่ปล่อยกู้รายย่อยด้วย