KTAM Focus : เล็กดีมีทรง

โดย..ณัฏฐะ มหัทธนา, CFA ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ
ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนและลูกค้าสัมพันธ์ บลจ.กรุงไทย

หุ้นขนาดเล็กในสหรัฐ (แย่มา 3 ปี) กำลังฟื้นชีพ? ดัชนี Russell 2000 เริ่ม outperform สร้างผลตอบแทนเหนือหุ้นขนาดใหญ่ช่วงท้ายปี 2023 ก่อนพักฐาน ม.ค. แล้วเร่งเครื่องขึ้นมาอีกในเดือนนี้

หุ้นเล็กสหรัฐ “ราคาถูก” ก็สมควรแล้ว? Sébastien Page ผู้ดำรงตำแหน่ง Head of Global Multi-Asset และ CIO ของ T. Rowe Price เขียนบทความ US Small Caps: ‘Cheap’ For Good Reason? เผยแพร่บนเว็บไซต์ FNArena (13 ก.พ.) นำเสนอมุมมองทั้งสองด้าน love & hate ไว้อย่างน่าสนใจ

มุมมองแง่ลบ หุ้นเล็กราคาถูกแล้วถูกอีก เหตุผลส่วนหนึ่งเพราะ “องค์ประกอบที่เปลี่ยนไป” ดัชนีหุ้นขนาดใหญ่ S&P 500 มีสัดส่วนหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีเพิ่มจากจุดต่ำสุด 15% เมื่อปี 2005 ขึ้นมาเป็น 29% ในปัจจุบัน จึงเหลือหุ้นกลุ่มที่อ่อนไหวต่อภาวะเศรษฐกิจ (cyclical sectors) น้อยลงโดยปริยาย แต่ในทางตรงข้าม ดัชนีหุ้นขนาดเล็ก Russell 2000 กลับมีสัดส่วน cyclical เพิ่มขึ้น (และ tech ลดลง) ดังนั้น P/E ของดัชนีหุ้นขนาดใหญ่จึง “แพงแล้วแพงอีก” สะท้อนการเติบโตของกำไรที่เหนือกว่าดัชนีหุ้นขนาดเล็ก

ราคาสะท้อน “คุณภาพ” จำนวนหุ้นขนาดเล็กที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดสหรัฐเคยมีมากกว่า 7,000 ตัวในปี 2000 แต่ปัจจุบันเหลือแค่ประมาณ 2,700 ตัว หลายบริษัทขนาดเล็กที่ผลประกอบการดีๆตัดสินใจไม่เข้าตลาดหลักทรัพย์เนื่องจาก “ทุนนอกตลาด” มีมากเพียงพอเมื่อกองทุน private equity เฟื่องฟู อีกทั้งไม่อยากเจอกฎระเบียบการรายงานข้อมูลอันยุ่งยากหากกลายเป็นบริษัทจดทะเบียนฯ ดังนั้น พอหุ้นขนาดเล็กในตลาดเหลือน้อย Russell 2000 จึงกลายเป็นดัชนีที่ “เข้าง่าย” ประกอบด้วยบริษัทจำนวนไม่น้อยที่ยังไม่สร้างผลกำไร ทำให้ถูกมองแบบเหมารวมว่า “คุณภาพต่ำ”

มุมมองแง่บวก แม้ราคาถูกมิได้แปลว่าหุ้นจะขึ้น แต่ถ้ามันถูกสุดๆเข้าขั้น extremeในอดีตก็มักเกิดปรากฏการณ์คล้าย “สปริงดีดเด้ง” (coiled spring effect) ตามมา ทั้งนี้ ข้อมูลตั้งแต่ ม.ค. 1994 ถึง  พ.ย. 2023 บ่งชี้ว่า การลงทุนหุ้น small-caps (S&P 600) ณ ราคาถูกระดับ 5th quintile (Q5) ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 12 เดือนข้างหน้า (forward 12M returns) เหนือกว่าของ large-caps (S&P 500) ประมาณ 8.9% …ปัจจุบันหุ้นสหรัฐขนาดเล็กซื้อขาย ณ ราคาถูกระดับ Q5

ดอกเบี้ยขาลง ช่วยลดต้นทุนทางการเงินแก่หุ้นขนาดเล็กซึ่งมักมีหนี้สินระยะสั้นสูงกว่าหุ้นขนาดใหญ่

Election Years หุ้นขนาดเล็กมัก outperform ในปีเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ

กองทุนที่บริหารเชิงรุก (actively managed) มีโอกาสเลือกซื้อหุ้นของบริษัทขนาดเล็กคุณภาพดี ณ ราคาต่ำกว่ามูลค่าพื้นฐานมากๆเนื่องจากถูกตลาดมองแบบ “เหมาเข่ง” โดยผู้เขียนเพ่งความสนใจไปยังดัชนี S&P 600 (แทนที่จะเป็น Russell 2000) เพราะคัดบริษัทที่มีผลประกอบการขาดทุนออกไป

ความเห็นของเรา แม้ตลาดมองว่ายังเสี่ยงแต่หลายปัจจัยเริ่มเอื้อต่อการลงทุนหุ้นขนาดกลาง-เล็ก

ดูคลิป หุ้นขนาดกลาง-เล็ก ทั้งสหรัฐฯ-ไทยเด่น รับดอกเบี้ยขาลง TNN รู้ทันลงทุน13-02-67

https://youtu.be/h5w1EojhCxY?si=RBCCTcmAOCF9SpuK

ตัวอย่างกองทุน KTAM ที่ลงทุนบางส่วนในหุ้นขนาดกลาง-เล็ก (เน้นสหรัฐ)

KT-BLOCKCHAIN ธุรกิจ blockchain, crypto ค่อนข้างใหม่ บริษัทส่วนใหญ่ยังมีขนาดกลาง-เล็ก

KT-HEALTHCARE กองทุนหลักมีกลุ่ม biotech ราว 1 ใน 3 ของพอร์ต เน้นหุ้นขนาดกลาง-เล็ก

KT-TECHNOLOGY (IPO 19-27 ก.พ.) กองทุนหลักมีหุ้นขนาดกลาง-เล็ก ในสัดส่วนสูงกว่าดัชนี

*** อัพเดตความเห็นล่าสุดของเราได้ทุกเช้าที่รายการ Fund Today by KTAM ***

ไอเดียกองทุนรวมมีให้ทุกวัน ผู้สนใจเชิญรับชม Fund Today by KTAM ทุกเช้าวันทำการเริ่มเวลา 8:55 น. สามารถพิมพ์คำถามทางไลฟ์ Facebook: KTAM Smart Trade, Youtube: KTAM TV ONLINE หรือรับฟังและร่วมพูดคุยใน Clubhouse: KTAM Smart Trade สดพร้อมกันสามช่องทาง นอกจากนี้ดูคลิปย้อนหลังได้ทั้ง Youtube และ Facebook

#คุยทุกวันฟันทุกเช้า #ฟันทูเดย์855

คำเตือน:

  1. ความเห็นส่วนบุคคล ไม่ใช่คำแนะนำการลงทุน ผลการดำเนินงานในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน คู่มือการลงทุน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
  2. ทุกความคิดเห็นเป็นมุมมองส่วนตัว ไม่เกี่ยวข้องกับ house view ของ บลจ. ธนาคาร หรือองค์กรใดๆทั้งสิ้น
  3. พอร์ต Belief Allocation, Today Strategy และ Fund To-Do สอดคล้องกับมุมมองส่วนตัวตามสไตล์ "สุดโต่ง-ไร้ขีดจำกัด" จึงมีความเสี่ยงสูงและแตกต่างจาก asset allocation ทั่วๆไปเป็นอย่างมาก
  4. ผู้ที่ต้องการทำ asset allocation ในรูปแบบปกติ ควรพิจารณากองทุน Krungthai World Class Series หรือกองทุน มั่ง | มี | ศรี | สุข