“คิงส์ฟอร์ด” คาด SET แกว่งในกรอบ 1,380–1,400 จุด แนะเก็งกำไรกลุ่มคริปโต

HoonSmart.com>> “บล.คิงส์ฟอร์ด” ประเมินดัชนี SET เคลื่อนไหวในกรอบ 1,380 – 1,400 จุด หลังวานนี้ปรับฐานรับข่าวเฟดอาจยังไม่รีบลดดอกเบี้ย คาดดัชนีได้แรงหนุนจากภาคบริโภคและท่องเที่ยวปรับขึ้นดีตามนักท่องเที่ยวต่างชาติ แนะทยอยซื้อกลุ่มท่องเที่ยว “AOT,AAV,BA,MINT” ค้าปลีก “CPALL,CPAXT,GLOBAL” อาหาร “TU,SNNP” เก็งกำไรกลุ่มคริปโตราคาพุ่ง “JTS,BROOK,TTA,XPG” พร้อมเสิร์หุ้นวันนี้ ICHI, BDMS

บริษัทหลักทรัพย์คิงส์ฟอร์ด ประเมินดัชนี SET เคลื่อนไหวในกรอบ 1,380 – 1,400 จุด หลังวานนี้ปรับฐานรับข่าวเฟดอาจยังไม่รีบลดดอกเบี้ย โดยดัชนีได้แรงหนุนจากภาคบริโภคและท่องเที่ยวปรับขึ้นดีตามนักท่องเที่ยวต่างชาติ แนะนำทยอยซื้อกลุ่มท่องเที่ยว AOT,AAV,BA,MINT ค้าปลีก CPALL,CPAXT,GLOBAL อาหาร TU,SNNP เก็งกำไรกลุ่มคริปโท JTS,BROOK,TTA,XPG

ด้านตลาดหุ้นสหรัฐ DJIA +0.40%, S&P500 +0.96%, Nasdaq +1.30% ได้แรงหนุนจากกลุ่มอุตสาหกรรม +1.67%, บริการสื่อสาร +1.42% และ Nvidia +2.5% โดยมี Market Cap เป็นอันดับ 3 ในตลาดหุ้นสหรัฐแซงหน้า Alphabet

ตลาดหุ้นสหรัฐวานนี้ได้แรงหนุนจากกลุ่มเทคโนโลยี เช่น Nvidia +2.5% จากคาดการณ์ยอดขายปี 66 อยู่ที่ 5.9 หมื่นล้านดอลลาร์ +118% ซึ่งจะรายงานงบในวันที่ 21 ก.พ. ส่งผลให้มูลค่าตลาดปรับขึ้นอยู่อันดับ 3 ของตลาด ขณะที่หุ้นกลุ่มเกี่ยวกับคริปโท ฯ เช่น Coinbase ปรับขึ้นตอบรับกับมูลค่าตลาดของ Bitcoin ปรับขึ้นอยู่ที่ 1 ล้านล้านดอลลาร์ เป็นผลจากการ Halving เหรียญ และเม็ดเงินจาก Spot Bitcoin ETF ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจค่ำวันนี้ติดตาม ยอดค้าปลีกสหรัฐ ม.ค. คาด -0.2% และ ธ.ค. 0.6% MoM และผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน

ด้านตลาดหุ้นยุโรปวานนี้ได้แรงหนุนจาก GDP ยูโรโซน Q4/66 อยู่ที่ 0.0% QoQ ช่วยเลี่ยงภาวะ ถดถอย ขณะที่ CPI อังกฤษ ม.ค. ทรงตัวที่ 4.0% YoY เป็นเดือนที่ 4 ส่งผลให้เทรดเดอร์คาด BOE มีโอกาสลดดอกเบี้ยปีนี้ 0.70% & เดิมคาด 0.58% และค่ำวันนี้ติดตาม GDP อังกฤษ Q4/66 คาด -0.1% และ Q3/66 -0.1% QoQ ซึ่งมีความเสี่ยงเกิดภาวะถดถอย

หุ้นแนะนำวันนี้ ได้แก่ ICHI (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 19.80 บาท) แนวโน้มกำไร 4Q66 ลดลง QoQ จากที่เป็นช่วง Low season แต่จะเติบโตได้ YoY ต่อเนื่องจากยอดขายทั้งในประเทศและต่างประเทศที่ดีขึ้น ส่วนแนวโน้มปี 67 ผู้บริหารคาดรายได้โต +10%YoY เป็น 8.8 พันล้านบาท โดยในช่วง 1Q67-2Q67 คาดเห็นกำไรโตได้ทั้ง QoQ, YoY หนุนจากการเข้าสู่ฤดูร้อน ประกอบแรงกดดันราคาน้ำตาลและ PET Resin ที่ปรับลดลง

นอกจากนี้ผู้บริหารมองตลาดชาเขียวพร้อมดื่มในประเทศไทยยังสามารถเติบโต พร้อมทำการตลาดสินค้ากลุ่มอื่นในกลุ่ม Healthy Trend กลุ่มเครื่องดื่มน้ำอัดลม รวมถึงธุรกิจรับจ้างผลิต เพื่อเดินหน้าสู่ยอดขาย 1 หมื่นล้านบาท ภายใน 2 ปี (ปี 68) ปัจจุบันอัตราการใช้กำลังผลิตโดยเฉลี่ยยังอยู่ในระดับสูง และมีแผนเพิ่มไลน์การผลิต +13% เป็น 1,700 ล้านขวด ในช่วง 4Q67-1Q68 ทั้งนี้ตลาดคาดกำไรสุทธิปี 66-67 ที่ 1.07 พันล้านบาท +66%YoY และ 1.15 พันล้านบาท +8%YoY

หุ้น BDMS (ซื้อ/ ราคาเป้าหมายปี67 35.00 บาท) เบื้องต้น ประเมินกำไรสุทธิ 4Q66 ที่ 3,480 ลบ. (+11.79%YoY, -10.53%QoQ) ภาพ QoQ ปรับตัวลดลงตามปัจจัยฤดูกาล ส่วน YoY โตได้ดีจากการกลับมาของผู้ป่วยต่างชาติ และมีแรงหนุนจากกลุ่มผู้ป่วยทางเดินหายใจทั้งฝุ่น PM 2.5 /การระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ ส่วนประเด็นขับเคลื่อนการดำเนินงานในช่วงถัดไปปี67 คาดจะมาจาก 1.จำนวนเตียงที่สูงขึ้นราว 200 เตียง(ร.พ.พญาไทยศรีราชา 100 เตียง/ ร.พ.เด็กสมิติเวช อินเตอร์เนชั่นแนล 100 เตียง) 2.การปรับเพิ่มโควตาประกันสังคมขึ้นเป็น 1.5 ล้านราย จากเดิม 1 ล้านราย 3.กลุ่มผู้ป่วยต่างชาติในตลาดใหม่อย่างซาอุฯ และม.ของภาครัฐฯที่อำนวยนักท่องเที่ยวต่างชาติ(ฟรีวีซาจีน)