โบรกฯ คาดหุ้นร่วงตามต่างประเทศ

โบรกฯ คาดแนวโน้มหุ้นวันนี้ปรับตัวลดลงตามทิศทางหุ้นต่างประเทศ ดาวโจนส์ร่วง ด้านปัจจัยในประเทศจีดีพีชะลอตัวกดดันการลงทุน

บล.กรุงศรี มองแนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้ คาดดัชนีอ่อนตัวลงทดสอบ 1,625 จุด เนื่องจากถูก sentiment เชิงลบทั้งในและนอกประเทศกดดัน โดยตลาดหุ้นสหรัฐที่ทรุดตัวลงแรงตามความกังวลยอดขาย Iphone รวมถึงสหรัฐเผยจะไม่เปลี่ยนแปลงมาตรการเรียกเก็บภาษีต่อสินค้านำเข้าจากจีนวงเงิน 2.5 แสนล้านดอลลาร์ หากจีนไม่เปลี่ยนพฤติกรรมการทำการค้ากับสหรัฐส่งผลให้ปัญหา Trade war ยังคงยืดเยื้อต่อไปจนกว่าจะมีการเจรจานอกรอบการประชุม G20 ในช่วงปลายเดือนพ.ย.

นอกจากนี้ภาวะเศรษฐกิจไทยที่ชะลอตัวลงหลัง GDP 3Q18 หดตัวลงเหลือ +3.3% จาก 2Q18 +4.6% หลังการส่งออกและการท่องเที่ยวชะลอตัว รวมถึงปรับลดคาดการณ์ GDP 2018 ลงสู่กรอบล่างที่ 4.2% ซึ่งเป็นลบต่อภาพการลงทุนรวมถึงทิศทางดัชนีหุ้นไทยอีกด้วย

บล.เอเอสแอล มองแนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้จะเคลื่อนไหว Sideway ต่อ ค่าเงินดอลลาร์กลับมาอ่อนค่า รวมไปถึงอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ อายุ 10 ปี ลดลงต่ำสุดในรอบ 1 เดือน เพิ่มโอกาสที่จะเห็น Fund flow ไหลกลับสู่ตลาด Emerging Market รวมทั้งตลาดหุ้นไทย อย่างไรก็ตามตลาดหุ้นไทยยังมีปัจจัยลบจำกัด Upside จาก ปัจจัยลบทางด้านเศรษฐกิจในประเทศ และความกังวลต่อการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ที่ยังมีความไม่แน่นอน

กลยุทธ์ปัจจัยพื้นฐาน ยังคงแนะนำให้นักลงทุนเลือก Selective Buy โดยเน้น (1) กลุ่ม Domestic Play แม้ GDP 3Q61 จะเติบโตในอัตราชะลอตัว แต่มีโอกาสกลับมาฟื้นตัวในช่วง 4Q61 (2) กลุ่มที่ได้ประโยชร์จากโครงการ EEC ทั้งผู้รับเหมา วัสดุก่อสร้าง และนิคมอุตสาหกรรม (3) สะสมหุ้นพื้นฐานดีบางตัวยัง Laggard อยู่ โดยเราเลือก AOT CPALL PLANB UTP SCC STEC SEAFCO AMATA และ WHA

บล.เคทีบี (ประเทศไทย) คาดดัชนีฯมีแนวโน้มอ่อนตัวลง และแกว่งกรอบแคบ ตลาดหุ้นสหรัฐฯอ่อนตัวลง ตลาดเอเซียเช้านี้ผันผวน โดยตัวแปรที่มีผลในทางลบลบของตลาดหุ้นไทย จะเป็นปัจจัยภายในเอง แนวโน้มกำไรตลาดและเศรษฐกิจของไทย ตัวเลข GDP ลดลง สะท้อนความอ่อนแอจากรายได้ต่างประเทศที่หดตัวในไตรมาส 3 ขณะที่ตัวแปรในต่างประเทศ ยังคงเหมือนเดิม คือ ผลกระทบของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี่ต่อตลาดสหรัฐฯ การเจรจาการค้าสหรัฐฯ การทำข้อตกลง BRExit สัปดาห์นี้คาดหวังในทางบวก และราคาน้ำมันดิบเริ่มกระเตื้องขึ้น แต่ยังเป็นลักษณะของ technical rebound

กลยุทธ์การลงทุนช่วงนี้ ต้องเน้นเล่นรอบสั้น หรือ “ลงซื้อ ขึ้นขาย” หรือรอจังหวะในการเข้าเก็บหุ้นที่ราคาลงมามาก หุ้นที่เป็น top picks ของเราในวันนี้ HMPRO, HANA , PTTEP, BEM และ TISCO ที่มองว่าเป็นหุ้นพักเงินที่มี dividend yield สูง ส่วนหุ้นที่ราคาปรับตัวลงมามากราคาเริ่มดีดตัวกลับ JMT และ ORI