“สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” มอบโจทย์ “ภากร ปีตธวัชชัย” ตั้งเป้าหมายตลาดหลักทรัพย์เป็นฮับของตลาดทุนในภูมิภาค ทำงานใกล้ชิดคลัง-ก.ล.ต. เดินหน้าเชื่อมความสัมพันธ์ตลาดหุ้นฮ่องกง ดึงบริษัทขนาดใหญ่ในจีนและภูมิภาคเข้ามาจดทะเบียน เร่งพัฒนาระบบดิจิทัลด้านการซื้อขาย
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวเปิดงานมหกรรมการลงทุน SET Index City 2018 จัดโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า ได้ให้ตลาดหลักทรัพย์ตั้งเป้าหมายเป็นฮับของตลาดทุนในภูมิภาค โดยทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดกับกระทรวงการคลัง สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นไปได้ โดยวิธีการ 1.ต่อเชื่อมความสัมพันธ์กับตลาดหุ้นฮ่องกง ซึ่งเรามีความสัมพันธ์ที่ดีกับจีน โดยการดึงบริษัทขนาดใหญ่ในภูมิภาค โดยเฉพาะจีนเข้ามาจดทะเบียน และ 2.ทำระบบดิจิทัลของการซื้อขาย รวมทั้งต้องเดินสายเชื่อมโยงทั้งตลาดหุ้นอาเซียนและบริษัทต่างๆ ซึ่งเป็นความฝันของผมที่จะยกระดับตลาดหุ้นไทยและเชื่อว่าจะเป็นไปได้ เราต้องกล้าคิด และตั้งเป้าหมาย ผมบังคับให้เกิดขึ้นให้ได้
นายสมคิด กล่าวว่า ประเทศไทยจะต้องเพิ่มความสำคัญของตลาดทุน โดยการนำบริษัทที่ทำธุรกิจใหม่ๆ และเป็นธุรกิจแห่งอนาคตที่ใช้เทคโนโลยีเข้ามา เพราะเราจะพึ่งพากับอุตสาหกรรมแบบเดิมๆ ในการส่งออก เช่น อาหาร อิเล็กทรอนิคส์ รถยนต์ คงเป็นไปไม่ได้ที่จะทำให้เศรษฐกิจโต 4-5% ได้ตลอดไป เว้นแต่บางปีที่ดีขึ้นเกิดจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ดีขึ้น หรือส่งออกรถยนต์ดี แต่ไม่ยั่งยืน
“มองว่าตลาดทุนไทยจะมีโอกาสเติบโตได้มาก อย่ามองปัญหาเรื่องคลื่นลม พายุเข้ามาในระยะสั้น เพราะสงครามการค้าที่เกิดขึ้นมองเป็นโอกาสสำหรับประเทศไทย เพราะประเทศไทยตั้งอยู่ในจุดที่สามารถเชื่อมโยงกับหลายๆ ประเทศได้ รวมถึงตลาดทุนไทยมีความแข็งแกร่ง ทั้งเรื่องสภาพคล่อง ขนาดใหญ่ที่ไม่แพ้ใครในอาเซียน และจากการที่ได้ไปงานเอ็กโปที่เซี่ยงไฮ้ ซึ่งประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ของจีน กล่าวปาฐกจะเปิดประเทศจีนและให้จีนเป็นเสาหลักของโลก เพราะฉนั้นจีนจะเป็นมหาสมุทร แม้จะเผชิญพายุบ้ง แต่ก็ฝ่าฟันได้ และนักลงทุนจีนก็เข้ามาลงทุนในประเทศไทย รวมถึงญี่ปุ่นที่เข้ามาร่วมในการประมูลรถไฟเชื่อม 3 สนามบิน เห็นแล้วว่าเป็นสัญญาณบวก เป็นโอกาสของประเทศไทย
นอกจากนี้การเกิดโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ถือว่าเป็นจุดแข็งของประเทศไทย เพราะช่วงนี้ไม่มีประเทศไหนที่ลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน มีกองทัพนักลงทุนเข้ามาในประเทศไทย
“การลงทุนขนาดใหญ่ตอนนี้ของ EEC ไม่ใช่เพียงแค่ 1-2 โครงการ แต่เป็นการลงทุนขนาดใหญ่ในหลายโครงการและสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่งให้ประเทศไทย อย่างไรก็ตามประเทศเวียดนาม ซึ่งเป็นคู่แข่งสำคัญของไทย และเรายังสู้เรื่องต้นทุน ค่าแรงไม่ได้ แต่ไทยเป็นมิตรที่ดีกับจีนและมีการเชื่อมโยงการเดินทางให้จีนเข้ามาหลายเส้นทาง ชุมพร ระนอง ให้ออกทางทะเลได้ รวมถึงสัมพันธ์ที่ดีกับญี่ปุ่น”นายสมคิด กล่าว
พร้อมกัันนี้จึงให้โจทย์นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ เรื่องแรกดูว่าอะไรเป็นอุปสรรค และต้องแก้ไขให้เร็ว ให้เคลียร์ทั้งหมด และต้องคิดถึงประโยชน์ว่าเขาเข้ามาแล้วจะได้อะไร เช่น ให้ถอนหุ้นกลับไปประเทศตัวเองได้เมื่อมีตลาดเกิดขึ้นเอง เรื่องสอง ดึงบริษัทใหญ่และบริษัทที่เป็นอุตสาหกรรมใหม่ๆ ที่ใช้เทคโนโลยีเข้ามาร่วมลงทุน เข้ามาจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทย เพื่อสร้างโอกาสในการเติบโตและเป็นหัวใจในการปฏิรูปเศรษฐกิจและตลาดหุ้นไทย เพื่อเป็นอับของอาเซียนอย่างแท้จริง