ราคาน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นครั้งแรกหลังลง 12 วันติด

ราคาน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังโอเปกเตรียมแผนลดกำลังการผลิตหนุนราคา

บริษัท ไทยออยล์ รายงานราคาน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้นครั้งแรกหลังลดลงติดต่อกัน 12 วัน โดยปิดตลาดเมื่อวันที่ 14 พ.ย. 61 ราคาน้ำมันดิบ เวสต์เท็กซัส อยู่ที่ 56.25 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 0.56 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล ส่วนเบรนท์ ปิดที่ 66.12 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 0.65 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล

ราคาน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยได้รับแรงหนุนจากการหารือกันของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานของประเทศซาอุดิอาระเบีย ประเทศรัสเซีย และอีกหลายชาติในการประชุมที่กรุงอาบูดาบี เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา เพื่อเตรียมจัดทาแผนการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบราว 1.4 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในปี 2562

กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันดิบ (โอเปก) มีทีท่าว่าจะสนับสนุนให้มีการปรับลดการผลิตน้ำมันดิบ โดยจะมีการประชุมใหญ่ที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย ในวันที่ 6ธ.ค. 2561เพื่อกำหนดแผนนโยบายการผลิตน้ำมันดิบในปีหน้า อย่างไรก็ตาม ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบในสหรัฐฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) คาดการณ์ว่ากำลังการผลิตน้ำมันดิบในชั้นหินดินดาน (Shale oil) ของสหรัฐฯ จะแตะระดับสูงสุดที่ 7.94ล้านบาร์เรลต่อวัน ในเดือน ธ.ค. 2561 และหลังตลาดปิด สถาบันปิโตรเลียมด้านพลังงานสหรัฐฯ (ApI) รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ประจำสัปดาห์ สิ้นสุดวันที่ 9 พ.ย. 2561 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 8.8 ล้านบาร์เรล ไปอยู่ที่ระดับ 440.7 ล้านบาร์เรล ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 3.2 ล้านบาร์เรล

บริษัท ไทยออยล์คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์นี้ ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสเคลื่อนไหวในกรอบ 53-57 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรลและมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 63-67 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล