โบรกฯ มองแนวโน้มหุ้นร่วงตามปตท.

โบรกฯ มองแนวโน้มหุ้นได้รับแรงกดดันจากปัจจัยต่างประเทศ ดาวโจนส์ร่วง ราคาน้ำมันดิบหลุด 60 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล กดหุ้นพลังงาน “บล.กสิกรไทย” มองแนวรับ 1,635 จุด แนะจังหวะซื้อหุ้นปันผลสูง ผลประกอบการไตรมาส 4 เด่น แนะ PTTGC ,TISCO, SAWAD

บล.กรุงศรี มองตลาดเป็นลบ คาดดัชนีปรับตัวลงทดสอบ 1,630 จุด โดยได้รับแรงกดดันตลาดหุ้นสหรัฐที่ทรุดตัวลงแรงจากความกังวลผลประกอบการหุ้น Apple รวมถึงโกลด์แมน แซคส์ นอกจากนี้งบประมาณรัฐบาลอิตาลีที่อาจไม่ได้รับการอนุมัติจาก EC หลังอิตาลีไม่ปรับแก้เป้าหมายการขาดดุลงบประมาณตามที่ EC ท้วงติงก่อนหน้านี้ซึ่งทำให้นักลงทุนมีความกังวลเพิ่มขึ้น และส่งผลให้ VIX index พุ่งขึ้นสู่ระดับ 20.4 จุด , เงินดอลล่าร์แข็งค่าขึ้นสูงสุดในรอบ 17 เดือนที่ 97.6 นอกจากนี้ราคาน้ำมันที่ทรุดตัวลงหลุดต่ำกว่า 60 US/Barrel จะเป็นแรงกดดันต่อกลุ่มพลังงานและภาวะตลาดหุ้นด้วยเช่นกัน

บล.กสิกรไทย มองดัชนีมีแนวรับสำคัญที่ 1,630 จุด ยังคงมองเป็นจังหวะในการซื้อเพิ่ม เพื่อรอการฟื้นตัวกลับไปที่เป้าหมายเดือน พ.ย. ที่ 1,710 จุดและสิ้นปี 2561 ที่ 1,805 จุด แนวรับสำคัญในวันนี้มอง 1,635 จุด ยังคงมองว่าควรซื้อเพิ่มมากกว่าถอยหนี โดยให้เน้นไปที่หุ้นปันผลสูง PTTGC TISCO และหุ้นผลประกอบการเด่นต่อเนื่องถึงไตรมาส 4 SAWAD

บล.อาร์เอชบี มองแนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้ คาดว่า ผันผวนจากตลาดหุ้นสหรัฐฯ และภูมิภาคเช้านี้ที่ปรับตัวลง ค่า VIX กลับขึ้นมาอยู่เหนือระดับ 20 ซึ่งจะประมาทไม่ได้ ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่า ตลาดหุ้นในกลุ่ม TIPs ปรับตัวลงแรงเมื่อวานนี้แล้ว ติดตามการปรับน้ำหนักการลงทุนของ MSCI ในวันพุธนี้ เราแนะนำ trading ในกรอบระหว่าง 1,650-1,700 จุด ต่ำกว่านี้แนะนำ ชะลอการเก็งกำไร

บล.เอเอสแอล คาดตลาดหุ้นไทยในวันนี้จะเคลื่อนไหวในลักษณะ Sideway โดยมองว่าตลาดยังมีแรงกดดันจาก (1) ทิศทางค่าเงินดอลลาร์ที่ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง หลังจากการส่งสัญญาณในการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ Fed ในเดือน ธ.ค. (2) ความกังวลเกี่ยวกับภาวะซบเซาของเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะกับประเทศจีน หลังเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมีการเปิดเผยดัชนี PPI เดือนต.ค. ที่ชะลอตัวลงจากเดือนก่อนหน้า ซึ่งทั้งสองปัจจัยยังคงกดดันให้ภาพรวม Fund Flow ไหลออกจากภูมิภาคต่อ

ในขณะที่นอกเหนือจากความชัดเจนในกรอบระยะเวลาการเลือกตั้ง ซึ่งตลาดรับรู้ไปพอสมควรแล้ว ตลาดยังคงขาดปัจจัยบวกใหม่ เข้ามาหนุนตลาดในช่วงนี้ โดยทั้งนี้เรามองว่าในวันนี้ปริมาณการซื้อขายของหุ้นไทยจะเบาบางอีกวัน โดยคาดนักลงทุนจะรอดู (1) การยื่นร่างงบประมาณครั้งใหม่ของรัฐบาลอิตาลีต่อคณะกรรมาธิการยุโรป (EC) ในคืนนี้ (13 พ.ย.) (2) การประชุมกนง. (14 พ.ย.) ซึ่งเราคาดว่าจะไม่มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงที่เหลือของปี 61 และ (3) การประกาศผลประกอบการของบมจ.ที่เหลือในช่วงโค้งสุดท้าย

กลยุทธ์ปัจจัยพื้นฐาน ยังคงแนะนำให้นักลงทุนเลือก Selective Buy โดยเน้น (1) กลุ่ม Domestic Play ที่รายได้อิงจากเศรษฐกิจในประเทศที่ยังคงแข็งแกร่งเป็นหลัก (2) กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ที่ได้ประโยชน์จากงานก่อสร้างโครงการพื้นฐาน (3) สะสมหุ้นพื้นฐานดีที่ราคาปรับตัวลงมามาก โดยเราเลือก AOT SCC CPALL BJC PLANB UTP STEC และ SEAFCO