HoonSmart.com>>”บัณฑิต ธรรมประจำจิต” ซีอีโอบริษัทไทยออยล์ (TOP) นัดแถลงข่าวด่วนเช้าวันจันทร์นี้ ชี้แจงเพิ่มงบลงทุนโครงการ CFP อีกกว่า 8 หมื่นล้าน เป็นทั้งหมด 278,688 ล้านบาท นักลงทุนตกใจกระหน่ำขายหุ้นราคาดิ่ง -22% มาร์เก็ตแคปทรุด 17,312 ล้านบาท กระทบผู้ถือหุ้นทุกราย โดยเฉพาะปตท. ถือใหญ่ 45% บล.ยูโอบีฯคาดผลิตได้ล่าช้ามาก ต้องรอปี 71 IRR ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ บล.บัวหลวงแนะขาย ฉุดกำไรปี 68-71 บล.แลนด์ฯปรับคำแนะนำเป็นถือ หนี้เพิ่มเสี่ยงเรทติ้ง
นายบัณฑิต ธรรมประจำจิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทไทยออยล์ (TOP) นัดแถลงข่าวเช้าวันจันทร์ที่ 23 ธ.ค.2567 นี้ เพื่อชี้แจงประเด็นสำคัญเรื่องการเพิ่มงบลงทุนโครงการพลังงานสะอาด (CFP) หลังจากคณะกรรมการบริษัทฯนัดพิเศษวันที่ 19 ธ.ค.ที่ผ่านมา มีมติเห็นชอบเพิ่มงบลงทุนประมาณ 63,028 ล้านบาท และดอกเบี้ยระหว่างการก่อสร้างประมาณ 17,922 ล้านบาท เพื่อนำไปก่อสร้างโครงการให้แล้วเสร็จ คาดว่าจะดำเนินการผลิตเชิงพาณิชย์ในไตรมาสที่ 3/2571 เตรียมเสนอให้ที่ประชุมผู้ถือหุ้น วันที่ 21 ก.พ. 2568 เวลา 14.00 น. พิจารณาอนุมัติการเพิ่มงบลงทุนครั้งนี้
การประกาศเพิ่มงบลงทุนที่มากถึง 80,950 ล้านบาท ทำให้นักลงทุนตกใจเทขายหุ้นออกมาตั้งแต่เปิดการซื้อขายวันที่ 20 ธ.ค.ที่ผ่านมา ระหว่างวันลงลึกสุดที่ 25.25 บาท ก่อนเด้งขึ้นมาปิดที่ 27.25 บาท ร่วงลง 7.75 บาทหรือ -22.14% มูลค่ารวม 17,312 ล้านบาท ซึ่งทำให้มาร์เก็ตแคปทรุดลงแรงภายในหนึ่งวันมากถึง 17,312 ล้านบาท ส่งผลกระทบต่อผู้ถือหุ้นทุกราย โดยเฉพาะบริษัทปตท.(PTT) ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่สุด 45.03%ของทุนชำระแล้วและสำนักงานประกันสังคมถือหุ้น 1.37%
นักวิเคราะห์บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) คาดงบลงทุนที่เพิ่มขึ้นมาก กระทบต่ออัตราผลตอบแทนจากการลงทุน (IRR) อย่างมีนัยสำคัญ จากเดิมคาด 12% และหากที่ประชุมผู้ถือหุ้นวันที่ 21 ก.พ. 2568 ไม่อนุมัติให้เพิ่มงบลงทุน ประเมิน TOP เสี่ยงต่อการรับรู้การด้อยค่า ในโครงการ อาจจะสูงถึง 6 พันล้านเหรียญ
บล.บัวหลวง แนะ”ขาย”หุ้น TOP แผนเพิ่มเงินลงทุน มองเป็น Sentiment ลบต่อราคาหุ้น นอกจากนั้นแนวโน้มค่าการกลั่นยังมีความไม่แน่นอนจากภาวะเศรษฐกิจโลก/เศรษฐกิจจีน อาจเป็น Downside Risk ต่อประมาณการกำไร ปี 2568 ราว 2% และปี 2569-2571 เฉลี่ย 24% น่าจะเป็นปัจจัยกดดันราคาหุ้นต่อไป
บล.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ปรับคำแนะนำเป็น”ถือ”หุ้น TOP การเพิ่มงบอีก 8.1 หมื่นล้านบาท “เป็นลบมากกว่าคาด” ซึ่งจะเป็น Overhang ต่อราคาหุ้นยาวนาน คาดจะต้องก่อหนี้เพิ่มอีกราว 5 หมื่นล้านบาทจะทำให้ Net IBD/E เพิ่มเป็นมากกว่า1 เท่าจากปัจจุบัน 0.75 เท่า อาจกระทบต่ออันดับเครดิต และระยะเวลาการเสร็จสมบูรณ์ล่าช้ามากจะกระทบต่อผลตอบแทนการลงทุนและเป็น Overhang ต่อหุ้นยาวนานขึ้น มองว่าหุ้นโรงกลั่นอื่นอย่าง BCP และ SPRC น่าสนใจกว่า
สำหรับการเพิ่มงบลงทุนครั้งนี้ประมาณ 80,950 ล้านบาท ทำให้มูลค่าการลงทุนทั้งโครงการรวมทั้งสิ้น 278,688 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 76,177 ล้านบาทหรือสูงถึง 46% จากงบประมาณที่เคยตั้งไว้เมื่อปี 2561จำนวน 165,295 ล้านบาท ที่สำคัญโครงการก็ล่าช้ามากกว่าที่คาดไว้ เดิมจะแล้วเสร็จในไตรมาส 1/2566 นักวิเคราะห์คาดว่าจะแล้วเสร็จประมาณปี 2570-2571 กำลังการกลั่นน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นจาก 275,000 บาร์เรลต่อวันเป็น 400,000 บาร์เรลต่อวัน ก่อให้เกิดการประหยัดด้านขนาด สามารถกลั่นน้ำมันดิบที่มีความหลากหลาย ผลิตน้ำมันสำเร็จรูปที่มีมูลค่าสูงและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมได้มากยิ่งขึ้น เพิ่มความสามารถในการแข่งขันและความมั่นคงในอนาคต
———————————————————————————————————————————————————–