EXIM BANK ฉลองบริการขึ้นทะเบียนคาร์บอนเครดิต ผลักดันซื้อขายคาร์บอนเครดิตของไทย

HoonSmart.com>> ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย ร่วมฉลองความสำเร็จในการขึ้นทะเบียนโครงการลดก๊าซเรือนกระจกภาคสมัครใจตามมาตรฐานของประเทศไทย กับ บริษัท คอทโก้เมททอลเวอร์คส และองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) (อบก.) เพื่อผลักดันตลาดซื้อขายคาร์บอนเครดิตของประเทศไทย

ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) และนายวรพจน์ เพียรอภิธรรม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คอทโก้เมททอลเวอร์คส จำกัด (มหาชน) (CCM) ร่วมฉลองความสำเร็จในการขึ้นทะเบียนโครงการลดก๊าซเรือนกระจกภาคสมัครใจตามมาตรฐานของประเทศไทย (Thailand Voluntary Emission Reduction Program : T-VER) แบบแผนงาน (Programme of Activites : PoA) กับองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) (อบก.) เพื่อผลักดันตลาดซื้อขายคาร์บอนเครดิตของประเทศไทย ณ EXIM BANK สำนักงานใหญ่ เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2566

EXIM BANK เป็นสถาบันการเงินแห่งแรกของประเทศไทยที่ได้รับอนุมัติโครงการ T-VER PoA จาก อบก. รองรับการขึ้นทะเบียนคาร์บอนเครดิตของโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์หลายโครงการ จำนวน 60,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์ต่อปี หรือประมาณ 80 เมกะวัตต์ ระยะเวลาโครงการทั้งสิ้น 14 ปี ซึ่ง EXIM BANK ได้เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการ SMEs หรือโครงการขนาดเล็กที่ไม่มีความคุ้มค่าในการขึ้นทะเบียนคาร์บอนเครดิต สามารถขอขึ้นทะเบียนเพื่อรับผลประโยชน์จากคาร์บอนเครดิตเพิ่มเติม โดย EXIM BANK เป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการขึ้นทะเบียน และส่วนแบ่งที่ EXIM BANK ได้รับเป็นคาร์บอนเครดิตจากโครงการนี้จะนำไปชดเชยกับปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ปล่อยออกมาจากกิจกรรมต่าง ๆ ของ EXIM BANK เพื่อให้บรรลุเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ต่อไป ทั้งนี้ CCM เป็นลูกค้ารายแรกที่เข้าร่วมโครงการ T-VER PoA กับ EXIM BANK ภายหลังได้รับการสนับสนุนสินเชื่อเพื่อลงทุนติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าบนหลังคาโรงงาน (Solar Rooftop)

“EXIM BANK มุ่งสู่เป้าหมายการเป็น Green Development Bank จึงเริ่มต้นผลักดันให้เกิดการซื้อขายคาร์บอนเครดิต เพื่อนำไปหักลบกับมลพิษที่ปล่อย ทำให้เกิดความเป็นกลางทางคาร์บอน ควบคู่กับการสานพลังกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย สร้างระบบนิเวศครบวงจรที่จะนำไปสู่การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกขององค์กรและประเทศไทยได้ตามเป้าหมาย” ดร.รักษ์ กล่าว