ทำไมต้องลงทุนหุ้นเทคนอก!! หุ้นสื่อสารไทยไม่น่าสนใจหรือ

HoonSmart.com>>ช่วงนี้กูรูหุ้น ในฟากธนาคาร โบรกเกอร์ รวมถึงนักลงทุนรายใหญ่ ต่างเชียร์หุ้นเทคโนโลยีต่างประเทศ เพราะอะไร แล้วหุ้นสื่อสารไทยเป็นอย่างไร

ธนาคารกสิกรไทย ระบุในหัวข้อ”หุ้นเทคโนโลยีที่ว่าดี ลงทุนตอนนี้สายไปหรือยัง?” ตอนหนึ่งว่า ในระยะยาวหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่สร้างผลตอบแทนได้ดีกว่าดัชนีหุ้นทั่วโลกที่ 12.46% ต่อปี vs 8.55% ต่อปี* หากย้อนกลับไปเฉพาะช่วง 10 ปีที่ผ่านมาต้องยอมรับว่ามาตรการผ่อนคลายนโยบายการเงินมีส่วนในการผลักดันราคาหุ้นเทคโนโลยีจากดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำช่วงปี 2010 – 2020 แต่ยังมีปัจจัยเชิงพื้นฐานที่สำคัญ อาทิ การลงทุนวิจัยและพัฒนาที่ทำให้บริษัทเทคโนโลยีมีความสามารถแข่งขันเหนือคู่แข่ง (Competitive advantage) นำมาสู่การสร้างรายได้จากสินค้าหรือบริการที่ตรงใจผู้บริโภคและเกิดการใช้ซ้ำแนะนำบอกต่อจนรายได้เติบโตต่อเนื่อง

ขณะที่นักลงทุนรายใหญ่อย่าง เจียนเฟน เหลียน รองนายกสมาคมธุรกิจใหม่ไทยจีน หรือ เฮียเหลียน และ ปัณยวีร์ จันทรขจร Chief Investment Officer ควอนตัมเว็ลธ์ หรือ โค้ชเป๊ก 2 นักลงทุนรายใหญ่ ได้แชร์ประสบการณ์การลงทุนในหุ้นเทคโนโลยีและหุ้นต่างประเทศ ในหัวข้อ”ปรับกลยุทธ์ จับเทรนด์นักลงทุนหุ้นไทย-เทศ”จัดโดย บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส ไว้อย่างน่าสนใจ

เจียนเฟน เหลียน กล่าวถึงเหตุผลที่ต้องไปลงทุนในหุ้นเทคโนโลยีต่างประเทศเพราะในตลาดหุ้นไทยไม่มีหุ้นสื่อสารหรือหุ้นเทคของไทย ไม่มีเทคโนโลยีของตัวเอง โดยดูแล้วในอีก 5 ปีข้างหน้ายังไม่เห็นการวิจัยหรือพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ ในไทย

ขณะที่ หุ้นเทคในสหรัฐอเมริกา ในจีน จะมีหุ้นเทคที่มีการวิจัยคิดค้นเทคโนโลยีของตัวเอง มีระบบนิเวศ หรือ ecosystem ของตัวเอง มี Supply Chain(มีทรัพยากรที่ทำให้เกิดสินค้าหรือบริการ) ของตัวเอง ทำให้ธุรกิจมีความมั่นคงในระดับหนึ่ง เพราะไม่ต้องพึ่งพิงคนอื่น และเทคโนโลยีเหล่านี้ยังสามารถพัฒนาความสามารถต่อไปได้อีกอย่างต่อเนื่อง จึงมีโอกาสในการเติบโตและให้ผลตอบแทนในระยะยาว

กรณีจีน รัฐบาลมีนโยบายผลักดันการพัฒนาเทคโนโลยีอย่างจริงจัง มีการใช้งบประมาณถึง 1 ล้านล้านหยวน และระดมคนร่วม 1 ล้านคน เข้ามาร่วมกันพัฒนาเทคโนโลยี มีตลาดใหญ่มากด้วยจำนวนประชากร 1,400 ล้านคนให้ทดลองแล้วนำผลมาพัฒนาปรับปรุงให้ดีขึ้น ทำให้เซมิคอนดักเตอร์ที่ผลิตในจีนราคาถูกกว่าที่ผลิตในสหรัฐอเมริกามาก

อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ว่าหุ้นเทคทุกตัวในจีนและอเมริกาจะดีหมด จะต้องเลือกบริษัทที่มีเทคโนโลยีของตัวเองที่สามารถพัฒนาต่อไปได้ในระยะยาว ส่วนใหญ่ก็จะเป็นบริษัทขนาดใหญ่อันดับต้นๆในตลาด ถ้าเลือกต้องเลือกเบอร์หนึ่ง

ทั้งนี้ การลงทุนในหุ้นเทค หรือหุ้นต่างประเทศ จะต้องดูนโยบายทางเศรษฐกิจของประเทศนั้นๆ ควบคู่ไปกับจังหวะเวลาในการเข้าไปลงทุน อย่าง ลงทุนในจีน ต้องอิงหุ้นที่จะได้ประโยชน์จากนโยบายภาครัฐ การออกกฎระเบียบ ต้องเข้าใจเบื้องหลังของการออกกฎระเบียบ และต้องการอะไรจากการออกกฎนั้นๆ ออกมาแล้วกระทบกลุ่มไหนบ้าง หรือจังหวะที่ควรจะเข้าไปตลาดหุ้นอเมริกา คือ รอหลังจากที่สหรัฐอเมริกา และ ไต้หวัน เลือกตั้งรัฐบาลใหม่ก่อนซึ่งคือปีหน้า

ปัณยวีร์ จันทรขจร หรือ โค้ชเป๊ก เล่าว่า ลงทุนในตลาดหุ้นญี่ปุ่นมานานแล้วเพราะเข้าไปเรียนที่ญี่ปุ่นตั้งแต่ปริญญาตรีและโท มีขาดทุน และได้กำไรหลายเท่า ทำให้มีความรู้ที่สะสมเพิ่มขึ้น ซึ่งได้เปรียบในช่วงที่ตลาดเกิดวิกฤตสามารถนำความรู้ที่มีมาใช้ได้ อีกสิ่งสำคัญคือ ต้องดูนโยบายของรัฐบาล รู้จังหวะเวลา ตลาดหุ้นไทยเหมาะกับการเทรดแบบ Sideway โดยเอาปัจจัยพื้นฐานมาเก็งกำไร ถ้าเล็งตลาดถูกก็ได้ดับเบิ้ล

ทั้งนี้ ควรเล่นหุ้นที่อิงกับนโยบายการเงินของรัฐบาล โดยสิ่งที่น่าจับตามองในตลาดหุ้นญี่ปุ่น คือ หนี้ครัวเรือนต่ำ เงินออมสูงที่สุดในโลก ซึ่งเป็นยักษ์หลับ ต้องดูว่ารัฐบาลญี่ปุ่นจะมีนโยบายการเงินเพื่อที่จะให้เงินออมก้อนนี้เคลื่อนย้ายไปทางไหน

ขณะที่ไทย หนี้ครัวเรือนสูงมากกว่า 90% ส่วนต่างการเติบโตเหลือน้อย หุ้นที่อิงหรือเกี่ยวกับการใช้จ่ายของครัวเรือนไม่น่าจะโตได้มาก แต่หุ้นที่อิงกับโครงการภาครัฐมีโอกาสโตได้อีกมาก เพราะรัฐมีหนี้แค่ 60% เท่านั้นยังขยายได้อีก มีส่วนต่างสูง