ช็อค! หุ้นกู้ STARKพ่นพิษ ลามบจ.-GLORY ลงทุนรับรู้ขาดทุน 16 ล้านบ.

HoonSmart.com>>นักลงทุนคงจะรู้สึกร้อนๆหนาวๆขึ้นบ้าง เพราะไม่รู้ว่าหุ้นของบริษัทจดทะเบียน(บจ.)ที่ถืออยู่ มีการลงทุนในหุ้นกู้ของบริษัทสตาร์ค คอร์เปอเรชั่น (STARK)ที่ผิดนัดชำระหนี้หรือไม่ หลังจากบริษัท รุ่งเรืองตลอดไป (GLORY) ประกาศไตรมาสที่ 2/2566 ขาดทุนสุทธิ 24.81 ล้านบาท รวม 6 เดือน ขาดทุนสุทธิ 24.68 ล้านบาท พลิกจากงวดปีก่อนมีกำไรสุทธิ สาเหตุหนึ่งเกิดจากการรับรู้ผลขาดทุนทางบัญชีของหุ้นกู้ STARK ที่ลงทุนไว้ 16 ล้านบาท ประกอบกับมีต้นทุนและค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นจากช่วงแรกของการพัฒนาและนำออกสู่ตลาดของ Alisa Generative AI

บริษัท รุ่งเรืองตลอดไป ชี้แจงว่า กลุ่มบริษัทมีกระแสเงินสดคงเหลืออยู่เป็นจำนวนมาก จึงบริหารเงินสดไปลงทุนกับสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ เช่น กองทุนและหุ้นกู้ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่มากกว่าดอกเบี้ยเงินฝากปกติและยังบริหารการลงทุนในหลายสินทรัพย์ ซึ่งหุ้นกู้ STARK เป็นตัวเลือกหนึ่งในการบริหารสินทรัพย์ และในขณะที่ลงทุนหุ้นกู้ STARK จัดเป็นสินทรัพย์ที่มีผลการประเมินเรทติ้งองค์กรอยู่ที่ BBB+ ซึ่งเป็น Investment Grade และประกอบกับคำแนะนำการลงทุนจากที่ปรึกษาทางการเงิน ธนาคารเกียรตินาคินภัทร ที่ปรึกษาที่ดูแลด้านการลงทุนบริหารสินทรัพย์ให้กับกลุ่มบริษัท

อย่างไรก็ตามหลังจากเกิดเหตุการณ์เกี่ยวกับหุ้นกู้ STARK ขึ้น กลุ่มบริษัทได้ทยอยขายหุ้นกู้ตัวอื่นๆออก ตามมติของกลุ่มบริษัท เนื่องจากเจตนาหลักในการลงทุนในกองทุนและหุ้นกู้ที่มีความเสี่ยงต่ำไม่ได้ต้องการผลกำไรจากการลงทุนส่วนนี้เป็นหลัก กลุ่มบริษัทยังคงนโยบายการลงทุนกับการประกอบธุรกิจหลักเป็นนโยบายหลัก

ทั้งนี้ ณ วันที่ 30 มิ.ย.2566  บริษัทมีการลงทุนสินทรัพย์ทางการเงินสุทธิ 45.14 ล้านบาท เช่น หุ้นกู้ที่จะถือจนครบอายุจำนวน 40.53 ล้านบาท หน่วยลงทุนกองทุนรวม 20.02 ล้านบาทโดยหักค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น -16  ล้านบาท

การบริหารสินทรัพย์และสภาพคล่องของบริษัทรุ่งเรืองตลอดไป โดยการถือหุ้นกู้ STARK ไม่ถือเป็นเรื่องผิดปกติ และใช้วิธีเดียวกับบจ.หลายแห่ง เพราะการลงทุนในหุ้นกู้ที่มีเรทติ้งดีรวมถึงหน่วยลงทุนกองทุนตราสารทางการเงินมีความเสี่ยงต่ำ ให้อัตราดอกเบี้ยมากกว่าดอกเบี้ยเงินฝาก  ทั้งนี้หุ้นกู้ STARK ให้ดอกเบี้ยในช่วง 2.9%ถึงมากกว่า 4.0% ต่อปี

สำหรับหุ้นกู้ของ STARK มีทั้งหมด 5 รุ่น มูลค่ารวม 9,198 ล้านบาท มีบริษัทและนิติบุคคลถือจำนวน 586 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 6.37%

แหล่งข่าวในวงการตลาดทุนกล่าวว่า  บจ.อีกหลายแห่งคงจะต้องรับรู้ผลขาดทุนมากผิดปกติในไตรมาสที่ 2/2566 เพราะนอกจากได้รับผลกระทบจากการลงทุนในหุ้นกู้ของ STARK แล้ว ยังรวมถึงผลขาดทุนจากการลงทุนในหุ้น STARK อีกด้วย หลังจากราคาหุ้นรูดลงแรงอย่างรวดเร็วมาปิดที่ระดับ 0.02 บาท ณ สิ้นเดือนมิ.ย.2566 เทียบกับราคาก่อนที่จะเปิดให้ซื้อขายชั่วคราวอยู่ที่  2.38 บาท

 

อ่านประกอบ

ก.ล.ต.-ตลท. หารือยกระดับกำกับดูแลธุรกิจในตลาดทุน