HoonSmart.com>>”วายแอลจี”ชี้ราคาทองไปต่อจากหลายปัจจัย เฟดเริ่มต้นวงจรดอกเบี้ยขาลงหากลด 0.50% มีลุ้นทำสถิติใหม่ ผ่าน 2,550 ดอลลาร์ มีโอกาสพุ่งแตะ 2,650 ดอลลาร์ ธนาคารกลางทั่วโลกยังซื้อทองต่อเนื่อง ครึ่งปีซื้อ 483 ตันสูงกว่าครึ่งปีก่อน ปัจจัยภูมิรัฐศาสตร์โลกยังน่ากังวล-ยืดเยื้อ ด้านทองไทยเจอเงินบาทแข็งช่วงสั้น มองเป้าปีนี้ 43,000 บาท ล่าสุดบริษัทฯจับมือ Trading View เพิ่มทางเลือกลงทุน มอบสิทธิพิเศษเปิดบัญชี YLG Futures บน Trading View
น.ส.ฐิภา นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส (YLG) ตัวแทนซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าในตลาดล่วงหน้า (ฟิวเจอร์ส) เปิดเผยว่า จากสถิติราคาทองคำในเดือนก.ย. ไม่ค่อยสดใสมากนัก นับตั้งแต่ปี 2560 เป็นต้นมา จะเกิดการปรับฐานโดยเฉลี่ยราว 2-3% อย่างไรก็ตาม ในปีนี้มีหลายปัจจัยที่อาจทำให้ทองคำปรับฐานลงไปไม่ลึกเท่าสถิติที่ผ่านมา หรือมีโอกาสปรับตัวขึ้นได้ต่อเนื่องจนทำระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์อีกครั้ง หากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับลดดอกเบี้ยลงถึง 0.50% แต่หากลดเพียง 0.25% ทองคำก็อาจถูกแรงขายทำกำไรในช่วงสั้นได้ แต่มองยังจำกัด เนื่องจากยังมีปัจจัยสนับสนุนในด้านอื่นๆ ด้วยเช่นกัน
ราคาทองคำยังคงมีมุมมองเชิงบวกอยู่ โดยมองว่าหากผ่าน 2,550 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ไปได้ ก็จะไปที่เป้าหมายถัดไป 2,650 ดอลลาร์ เพราะนอกจากเรื่องดอกเบี้ยนโยบายเฟดแล้ว ยังมีปัจจัยพื้นฐานอื่นๆ ที่ช่วยสนับสนุนราคา โดยเฉพาะความเสี่ยงทางด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังคงยืดเยื้อ สร้างความกังวลให้กับนักลงทุนยังคงต้องการถือครองทองคำไว้ในพอร์ตลงทุนไว้ อย่างน้อย 5-10% ของพอร์ตรวม หรือพอร์ตที่ความเสี่ยงที่สูงก็ควรถือเพิ่มขึ้นมาได้ถึง 15%
นอกจากนี้ ในระยะยาวการเข้าซื้ออย่างต่อเนื่องของธนาคารกลางทั่วโลก สะท้อนผ่านข้อมูลจากสภาทองคำโลก ที่ได้รายงานตัวเลขการเข้าซื้อทองคำในครึ่งแรกของปี 2567 อยู่ที่ 483 ตัน ถือว่าสูงที่สุดนับตั้งแต่มีการเก็บข้อมูลมา แสดงให้เห็นว่าทองคำยังมีความต้องการที่แข็งแกร่ง และรวมไปถึง กองทุน ETF ทองคำ ที่เริ่มเห็นเงินทุนไหลเข้าอย่างต่อเนื่องด้วยเช่นกัน
ส่วนราคาทองคำในประเทศ ยังคงเคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกับในตลาดโลก แม้ว่าจะปรับขึ้นในอัตราที่น้อยกว่าเนื่องจากได้รับผลกระทบจากเงินบาทที่แข็ง อย่างไรก็ดีมองว่า หากราคาทองคำตลาดโลกปรับตัวขึ้นสู่กรอบเป้าหมาย 2,650 ดอลลาร์ เป้าหมายถัดไปขอทองคำแท่งในประเทศจะอยู่ที่ 42,850-43,000 บาท (คำนวณด้วยอัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ย 1 สัปดาห์ ที่ระดับ 34.10 บาทต่อดอลลาร์)
สำหรับกลยุทธ์การลงทุน ในช่วงราคาในระยะสั้นที่ปรับตัวลดลงเพื่อรอความชัดเจนของเฟดนั้น แนะนำผู้ที่ต้องการเก็งกำไร ให้รอการย่อตัวสร้างฐานแล้วเข้าซื้อเล่นสั้น โดยมีแนวรับที่ 2,484-2,465 ดอลลาร์ ส่วนแนวต้านมองที่ 2,532-2,550 ดอลลาร์ ส่วนทองคำในประเทศมองแนวรับที่ 40,350-40,050 บาท แนวต้านมองที่ 41,100-41,400 บาท
น.ส.ฐิภากล่าวว่า นักลงทุนที่สนใจลงทุนทองคำในสัญญาซื้อขายในตลาดฟิวเจอร์ส ล่าสุดวายแอลจีได้ออกโปรโมชั่นสำหรับลูกค้าที่เปิดบัญชีกับ YLG Futures รับสิทธิ์ใช้งาน trading View Essential Plan ที่จะมอบสิทธิพิเศษให้กับลูกค้า 5 ด้าน 1.กราฟและอินดิเคเตอร์ครบครัน รวมถึง Volume Profile 2.เครื่องมือวาดรูปและฟีเจอร์ทางเทคนิค 3.การแจ้งเตือนราคา 4.ไอเดียเทรดจากคอมมูนิตี้ 5.ไม่มีโฆษณาและอื่นๆอีกจำนวนมาก
นอกจากนี้ วายแอลจีมองว่าการลงทุนสะสมแบบถัวเฉลี่ยต้นทุน (DCA) เป็นอีกหนึ่งวิธีที่น่าสนใจ เพราะจะทำให้นักลงทุนสามารถสร้างวินัยการออม และเข้าถึงราคาทองได้หลากหลาย อีกทั้งปัจจุบันยังสามารถตั้งเวลาซื้อล่วงหน้าได้อีกด้วย สำหรับนักลงทุนมือใหม่วายแอลจีแนะนำแอปพลิเคชั่น Get Gold ที่เปิดให้บริการ โดยใช้เงินลงทุนเพียง 100 บาท ได้รับการตอบรับอย่างดี ตอบโจทย์การลงทุนของคนรุ่นใหม่ที่สามารถซื้อ-ขายทองคำ Gold Spot แบบเรียลไทม์ 24 ชั่วโมง เข้าถึงง่ายด้วยสมาร์ตโฟน และมีความน่าเชื่อถือ ด้านความปลอดภัย สามารถทำกำไรได้จริง โดยผู้สมัครสามารถยืนยันตัวตนพร้อมยื่นเอกสารผ่านแอปพลิเคชั่น รู้ผลอนุมัติได้ภายในวันเดียว และสามารถซื้อ-ขาย ทองคำได้ทันที เปิดให้ลงทุนเริ่มที่ 100 บาท ไปจนถึง 80 กิโลกรัมต่อ 1 วัน ผู้ที่สนใจสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่นได้ที่ App Store และ Play Store หรือโทร. 0-2678-9888 #1