KTB ชูกำไร 10,156 ลบ. โต 22% ตั้งสำรองเพิ่ม 36.8%ไตรมาส2/66

HoonSmart.com>>“กรุงไทย” (KTB) เปิดผลงานแข็งแกร่ง ไตรมาส2/66 กำไรสุทธิ 10,156 ล้านบาท เติบโต22% หลังตั้งสำรองเพิ่มขึ้น 36.8%  ส่วนกำไรครึ่งปีนี้ทำได้  20,223 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18% ผลจากรายได้จากการดำเนินงานเพิ่มขึ้น การบริหารจัดการค่าใช้จ่ายและบริหารคุณภาพสินทรัพย์มีประสิทธิภาพ ยืนหยัดช่วยเหลือประคับประคองลูกค้าแก้ปัญหาหนี้  ขับเคลื่อนองค์กร 7 ยุทธศาสตร์ “มุ่งสร้างคุณค่า สู่ความยั่งยืน”

ธนาคารกรุงไทย (KTB) รายงานผลประกอบการงวดไตรมาสที่ 2/2566 มีกำไรสุทธิ 10,156.20 ล้านบาท กำไร 0.73 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้นจำนวน 1,797.81 ล้านบาท เติบโต  21.51% จากระยะเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 8,358.39 ล้านบาท กำไรหุ้นละ 0.60 บาท ส่วนผลงานรวม 6 เดือนแรกปีนี้ มีกำไรสุทธิ 20,222.79 ล้านบาท หรือ 1.45 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้นจำนวน 3,084.05 ล้านบาท เติบโต 17.99% จากระยะเดียวกันปีก่อนมีกำไรสุทธิ 17,138.74 ล้านบาทหรือ 1.23 บาทต่อหุ้น

นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย (KTB) เปิดเผยว่า เศรษฐกิจในปี 2566 มีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่อง โดยมีแรงสนับสนุนจากภาคการท่องเที่ยวเป็นสำคัญ จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติสะสมช่วง 5 เดือนแรกเติบโตดีกว่าที่คาด ทำให้ทั้งปี 2566 มีโอกาสแตะระดับ 29-30 ล้านคน ทยอยขยายวงพื้นที่การกระจายตัว สนับสนุนกิจกรรมทางเศรษฐกิจกลับมาเป็นปกติมากขึ้น ส่งผลดีต่อการจ้างงาน รายได้ครัวเรือน และอุปสงค์ภายในประเทศให้สามารถประคับประคองการฟื้นตัวได้ในระยะข้างหน้า

อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจในระยะข้างหน้า ยังเผชิญความท้าทายจากการเปลี่ยนผ่านเชิงนโยบายเพื่อกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ทั้งการทยอยลดบทบาทมาตรการภาครัฐ และการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายให้สอดคล้องกับแนวโน้มและความเสี่ยงในระยะข้างหน้า ในขณะที่ภาคธุรกิจยังต้องเผชิญแรงกดดันจากต้นทุนที่เพิ่มขึ้น ภาวะการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกกดดันภาคการส่งออกและภาคการท่องเที่ยว รวมถึงภาวะหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง ธนาคารจึงให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจอย่างระมัดระวัง และบริหารจัดการคุณภาพสินทรัพย์อย่างใกล้ชิด เพื่อรักษาระดับของ Coverage Ratio ในระดับสูง รองรับความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ โดยห่วงใยและตระหนักถึงผล กระทบจากภาระค่าครองชีพที่เพิ่มขึ้น พร้อมยืนหยัดดูแลช่วยเหลือลูกค้าทุกกลุ่มในการแก้ปัญหาหนี้อย่างยั่งยืน โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบางที่อ่อนไหวกับภาระค่าครองชีพที่เพิ่มขึ้น ให้สามารถประคับประคองตัวในการดำรงชีพได้

สำหรับผลการดำเนินงานในงวด 6 เดือนแรกของปี 2566 มีกำไรสุทธิ 20,223 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 18.0% โดยมีกำไรจากการดำเนินงาน  43,308 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25.9% จากการดำเนินงานตามยุทธศาสตร์เพื่อสร้างมูลค่าอย่างยั่งยืน รายได้รวมจากการดำเนินงานขยายตัวอย่างแข็งแกร่งและต่อเนื่อง 20.0 % ทั้งจากการเติบโตในกลุ่มสินเชื่อที่เป็นไปตามยุทธศาสตร์ของธนาคาร ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนโดยรวมดีขึ้น รวมถึงการขยายตัวของรายได้จากการดำเนินงานอื่นๆ

ธนาคารให้ความสำคัญการกับการขยายการลงทุนเกี่ยวกับเทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อรองรับการให้บริการแก่ลูกค้า ประกอบกับการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายในองค์รวมอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ Cost to Income ratio เท่ากับ 39.0% ลดลงจาก  41.9% ส่วนหนึ่งเป็นผลตามฤดูกาล ที่ Cost to Income Ratio ในช่วงที่เหลือของปีจะสูงขึ้นกว่าช่วงที่ผ่านมา ทั้งนี้ ธนาคารและบริษัทย่อยตั้งสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นเพิ่มขึ้นเพื่อรักษาระดับของ Coverage ratio ในระดับสูงเพื่อรองรับความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจ

ขณะที่ผลการดำเนินงานในงวดไตรมาส 2/2566 มีกำไร 10,156 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 21.5%  และเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากไตรมาสแรกปีนี้   โดยมีกำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้น  28.0% รายได้รวมจากการดำเนินงานขยายตัวอย่างแข็งแกร่งและต่อเนื่อง  21.2%  Cost to Income ratio เท่ากับ 39.3% ลดลงจาก 42.5%

ธนาคารตั้งสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นเพิ่มขึ้น 36.8%โดยพิจารณาถึงการดำเนินธุรกิจด้วยความระมัดระวังภายใต้ภาวะเศรษฐกิจที่มีความไม่แน่นอน และยังคงรักษา Coverage ratio ในระดับสูงที่ 177.4% พร้อมทั้งบริหารจัดการคุณภาพสินทรัพย์อย่างระมัดระวัง โดยมีอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อสินเชื่อรวม (NPLs Ratio) 3.11% ลดลงจากสิ้นปี 2565

ณ 30 มิ.ย.2566 ธนาคาร (งบเฉพาะธนาคาร) มีเงินกองทุนชั้นที่ 1 ประมาณ  16.86% และมีเงินกองทุนทั้งสิ้น  20.06% ของสินทรัพย์ถ่วงน้ำหนักตามความเสี่ยง ตามลำดับ ซึ่งอยู่ในระดับที่แข็งแกร่งเมื่อเทียบกับเกณฑ์ของ ธปท. รวมถึงมีสภาพคล่องในระดับที่เพียงพอโดยรักษาระดับของ Liquidity Coverage ratio (LCR) อย่างต่อเนื่อง สูงกว่าเกณฑ์ที่ธปท.กำหนด

ธนาคารดำเนินธุรกิจภายใต้แนวคิด “มุ่งสร้างคุณค่า สู่ความยั่งยืน” เพื่อให้เติบโตอย่างมั่นคง ตอบโจทย์ลูกค้าทุกกลุ่ม บนช่องทางดิจิทัลที่ทุกคนเข้าถึงได้ ทั้งแอปพลิเคชัน Krungthai NEXT เป๋าตัง และถุงเงิน โดยขับเคลื่อนธุรกิจภายใต้ 7 ยุทธศาสตร์หลัก ตามแผนงาน 5 ปี (2566-2570) เพื่อเร่งขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลง ทั้งการสร้างมูลค่าจากการทำธุรกิจกับคู่ค้าของลูกค้า (X2G2X) ขับเคลื่อนประสิทธิภาพองค์กรด้วยดิจิทัลและข้อมูล ขับเคลื่อนธุรกิจตามแนวทาง ESG เสริมสร้างขีดความสามารถการทำงานแห่งอนาคต ยกระดับโครงสร้างพื้นฐานเทคโนโลยีหลักขององค์กร ปฏิรูปวัฒนธรรมและปลูกฝังวิธีการทำงานแบบใหม่ และพัฒนาแพลตฟอร์มใหม่ๆ ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างครบวงจร เช่น Virtual Banking โดยได้ยกระดับบริการด้านการลงทุนสู่ตลาดโลก ด้วยการพัฒนาผลิตภัณฑ์การลงทุนที่หลากหลาย ช่วยให้ผู้ลงทุนไทยเข้าถึงหุ้นชั้นนำในตลาดโลกได้ง่าย สะดวก พร้อมร่วมมือกับพันธมิตรชั้นนำ บริษัทฟิเดลิตี้อินเตอร์เนชันแนล (Fidelity International) บริษัทจัดการลงทุนระดับโลก ยกระดับบริการบริหารความมั่งคั่ง มุ่งสร้างโอกาสให้คนไทยและภาคธุรกิจ และยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืน