HoonSmart.com>>หุ้นบวก 6 วันรวม 65 จุด ต้อนรับนายกฯคนใหม่ สัปดาห์นี้จะไปต่อหรือไม่ บล.ฟินันเซียฯมองไม่ไกล แรงหนุนเฟดพูดชัดลดดอกเบี้ยก.ย.นี้ เงินบาทแข็ง สินทรัพย์เสี่ยงราคาเพิ่ม ส่วนต่างชาติไล่ซื้อเป็นเพียงCover short หลังขายไปเยอะ ดัชนี 1400 คงจะเห็นปลายปี บล.ดีบีเอสฯชี้เป้าระยะสั้น 1,380 ระยะกลาง 1,440-1,500 จุด เตือนตลาดขาขึ้น อย่าเล่นสั้น กลยุทธ์ซื้อแล้วถือ แนะแบงก์ บล.ฟิลลิปมอง 1,380-1,400 เชียร์ตัวใหญ่ ค้าปลีก-แบงก์-ไฟฟ้า-ไฟแนนซ์-ท่องเที่ยว
เมื่อวันศุกร์ที่ 23 ส.ค. 2567 ตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นโดดเด่นกว่าภูมิภาค ดัชนีปิดที่ 1,354.87 จุด เพิ่มขึ้น 13.84 จุด หรือ+1.03% ด้วยมูลค่าการซื้อขายมากถึง 62,577.47 ล้านบาท จากแรงซื้อของนักลงทุนต่างชาติทะลัก 2,842.55 ล้านบาท ส่วนนักลงทุนไทยขายทำกำไรต่อ -3,596.50 ล้านบาท ทำให้ตลาดบวกอย่างต่อเนื่องเป็นวันที่หก รวม 65 จุด นับตั้งแต่วันที่ 16 ส.ค.ที่ “แพรทองธาร ชินวัตร”ได้รับเลือกให้เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 31 รวมถึงโครงการดิจิตอลวอลเล็ต เริ่มมีความชัดเจนในการกระตุ้นเศรษฐกิจ และธนาคารใหญ่ประกาศจ่ายเงินปันผล ระหว่างกาล เช่น BBL-SCB แจกหุ้นละ 2 บาท
ขณะที่ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศพร้อมลดดอกเบี้ยนโยบายลงในเดือนก.ย.นี้ ดันตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวขึ้นแรง 3 ดัชนีพุ่งมากกว่า 1% เงินดอลลาร์อ่อน หนุนเงินบาทแข็งหลุด 34 บาท
น.ส.จิตรา อมรธรรม รองกรรมการผู้จัดการ บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า ปัจจัยต่างประเทศเอื้อต่อตลาดหุ้นไทย จากการที่ประธานเฟดพูดชัดเจนที่จะปรับลดดอกเบี้ยในเดือนก.ย.นี้ ส่งผลให้ราคาสินทรัพย์เสี่ยงปรับตัวขึ้นแรง ทั้งบิทคอยน์ และหุ้นสหรัฐ โดยเฉพาะหุ้นเทคโนโลยี ดัชนี Nasdaq พุ่งขึ้น 1.47% ทั้งนี้ราคาบิทคอยน์พุ่งขึ้นจ่อ 65,000 ดอลลาร์
อย่างไรก็ตาม ปัจจัยภายในประเทศ ไม่ได้เปลี่ยนแปลงมากนัก หลังจากได้นายกฯคนใหม่ จะมีการใช้เงินประมาณ 1.6 แสนล้านบาทในการกระตุ้นเศรษฐกิจ คาดว่าน่าจะมีความชัดเจนในสัปดาห์นี้ การแจกเงินโครงการดิจิตอลวอลเล็ตจะคูณสองหรือไม่ กระตุ้นหุ้นค้าปลีกคึกคัก
“ต่างชาติที่เข้ามาซื้อมากกว่า 2,000 ล้านบาทเมื่อวันศุกร์ เป็นเพียงการซื้อกลับ (Cover short)ของกลุ่มที่ขายออกไปมากก่อนหน้านี้ แต่ไม่ใช่กลุ่มที่ซื้อเพื่อลงทุนระยะยาวในประเทศไทย ส่งผลให้ดัชนีเพิ่มขึ้นแล้วต้องพัก ช่วงนี้ยังไม่น่าเห็นดัชนี 1,400 จุด ส่วนสิ้นปี เราให้เป้าหมายไว้ที่ 1,470 จุด คงจะขึ้นได้แถว 1,450 จุด น.ส.จิตรากล่าว
นายพงศ์ภัทร สิริพิพัฒน์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) กล่าวว่า สัญญาณกระตุ้นเศรษฐกิจจะเร็วและแรงขึ้นเรื่อย ๆ โครงการดิจิตอลวอลเล็ต จะมีเม็ดเงิน 1.2 แสนล้านบาทเข้ามาในบัตรคนจนก่อน เมื่อเศรษฐกิจดีขึ้น ก็จะดึงดูดเงินทุนไหลเข้า ทำให้ตลาดหุ้นไทยมีสีสัน รอบนี้มองด่านระยะสั้นไว้ที่ 1,380 จุด ระยะกลางมองไว้ที่ 1,440-1,500 จุด
“รัฐออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมาเรื่อย ๆ ส่งผลดีต่อภาพรวมตลาดได้ ตลาดได้ผ่าน Bottom (จุดต่ำสุด) ไปแล้ว จึงแนะนำว่า “อย่าเล่นรอบ” ให้ Buy & Hold (ซื้อและถือ) ถ้าเล่นรอบจะขายหมู ตอนนี้ตลาดเทรดถูกสุดในรอบหลายปี จึงมีโอกาสที่จะขึ้นต่อไปได้ แต่อาจพักระหว่างทางได้ ถ้ามีการกระตุ้นเศรษฐกิจได้จริง ดัชนีมีโอกาสที่จะกลับไปแถว 1,600-1,700 จุดได้ แต่ยังไม่รู้เมื่อไร”
หุ้นที่น่าสนใจลงทุนเป็นหุ้นที่มี Valuation ถูก และต่ำกว่ามูลค่ามาก เช่นกลุ่มธนาคารน่าสนใจ เทรดต่ำกว่ามูลค่าหุ้นทางบัญชีมาก (P/PVต่ำกว่า 1 เท่า) ถ้าเศรษฐกิจฟื้นตัว ความเสี่ยง NPL จะลดลง มองโอกาสกลุ่มธนาคารจะเทรดใกล้บุ๊คได้ในระยะกลาง
“ส่วนตัวมองตลาดลงเยอะ Outlook ดูดีควรกลับไปเทรดที่เดิม เราไม่ควรเทรด Discount แต่ต้องรอดูนโยบายรัฐอีกที แนะนำตอนนี้ทยอยซื้อสะสมเพิ่มได้”นายพงศ์ภัทรกล่าว
น.ส.ชุติกาญจน์ สันติเมธวิรุฬ ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) กล่าวว่า ดัชนีฯสามารถยืนเหนือระดับ 1,350 จุดได้ ด่านต่อไปมองที่ 1,380-1,400 จุด กลยุทธ์การลงทุนช่วงนี้ให้เล่นหุ้นขนาดใหญ่ที่ได้รับผลดีจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ หลังการเมืองชัดเจน และได้คณะรัฐมนตรี (ครม.) ใหม่ เชื่อว่าเม็ดเงินต่างประเทศจะไหลเข้ามาต่อเนื่อง จึงแนะนำให้ทยอยสะสมหุ้นที่ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ดิจิตอลวอลเล็ต รอบแรกจะเป็นในรูปเงินสดก่อน น่าจะมีแรงซื้อกลับหุ้นกลุ่มค้าปลีก และ Valuation น่าสนใจด้วย
นอกจากนี้ หุ้นในกลุ่มธนาคาร ภาพตอนนี้เป็นความหวังเห็นเศรษฐกิจฟื้นตัว จะได้รับผลดีจากการปรับโครงสร้างหนี้ และยังไม่เห็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของกนง. ส่วนกลุ่มท่องเที่ยวทยอยสะสมได้ และกลุ่มโรงไฟฟ้า-เทคโนโลยี ได้ผลบวกจากการย้ายฐานการผลิตเข้ามาในไทย กลุ่มไฟแนนซ์น่าจะคึกคัก จากการปรับโครงสร้างหนี้ และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ช่วยลดภาระหนี้ให้ประชาชน แม้มองว่า NPLs ยังปรับขึ้นในไตรมาส 3-4 อีกทั้งหุ้นหลาย ๆ ตัวมี Valuation ถูกอยู่
“สัปดาห์นี้จะมีงานไทยแลนด์โฟกัส เชื่อว่าจะสามารถเรียกความคึกคักได้ นักลงทุนสนใจ บริษัทจดทะเบียนจำนวน 113 แห่งที่เข้าร่วมงาน ดังนั้้นตลาดฯน่าจะเดินหน้าไปต่อได้” น.ส.ชุติกาญจน์กล่าว