หุ้นปิดพุ่ง 20.38 จุด บิ๊กแคปดัน ปัจจัยในปท.หนุน ต่างชาติขายกว่า 1 หมื่นลบ.

HoonSmart.com>>ตลาดหุ้นปิดพุ่ง 20.38 จุด บิ๊กแคปหนุน หลังปลดล็อกการเมืองได้รวดเร็ว และ GDP ไตรมาส 2 ดีกว่าตลาดคาด รวมถึงเงินบาทแข็งค่า นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 10,486.55 ล้านบาท พบบิ๊กล็อตหุ้น SCCC มูลค่า 1.2 หมื่นล้านบาท นักลงทุนไทยซื้อสุทธิ 7,679.24 ล้านบาท แนวโน้มวันพรุ่งนี้เคลื่อนไหวทรงตัวหลังปรับขึ้นแรงวันนี้ แนวรับ 1,300 แนวต้าน 1,330 จุด

ตลาดหลักทรัพย์วันที่ 19 ส.ค.67 ดัชนีปิดที่ระดับ 1,323.38 จุด เพิ่มขึ้น 20.38 จุด หรือ +1.56% มูลค่าซื้อขาย 62,358.60 ล้านบาท โดยดัชนีแตะสูงสุด 1,323.38 จุด ต่ำสุด 1,302.97 จุด

นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 10,486.55 ล้านบาท และบัญชีหลักทรัพย์ขายสุทธิ 118.43 บาท ด้านนักลงทุนในประเทศซื้อสุทธิ 7,679.24 ล้านบาท และนักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 2,925.74 ล้านบาท

บล.กรุงศรี ระบุ SET Index เพิ่มขึ้น 20.38 จุด (+1.56%) ปิดที่ระดับ 1,323 จุด มูลค่าการซื้อขายหนาแน่น 6.2 หมื่นล้านบาท ส่วนหนึ่งมีรายการ Big lot หุ้น SCCC มูลค่า 1.2 หมื่นล้านบาท

รายการบิ๊กล็อต SCCC 1 รายการ จำนวน 76,107,368 หุ้น มูลค่าซื้อขาย 12,177.18 ล้านบาท เทรดในราคาเฉลี่ย 160 บาท/หุ้น

นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ นักกลยุทธ์การลงทุน บล.ลิเบอเรเตอร์ กล่าวว่า ตลาดหุ้นวันนี้ปรับตัวขึ้นหลังปลดล็อกการเมืองได้รวดเร็วภายใน 3 วัน ได้นายกรัฐมนตรีคนที่ 31 ต่อไปรอดูทีมคณะรัฐมนตรีว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไรหรือไม่ รวมถึงรอดูนโยบายภาครัฐ  และ GDP ไตรมาส 2 ออกมา 2.3% ดีกว่าตลาดคาดไว้ที่ 2.2% ซึ่งเศรษฐกิจอยู่ในเกณฑ์ฟื้นตัว โดยหาก GDP ค่อย ๆ ขยับขึ้นในทุกไตรมาส ก็ถือว่ายังดีอยู่ อีกทั้งเงินบาทแข็งค่าช่วยหนุนตลาดด้วย ให้จับตาทิศทาง Fund Flow วันนี้

“การใช้จ่ายภาครัฐในไตรมาส 2 เป็นบวกบาง ๆ ซึ่งเริ่มเห็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ และคาดว่าน่าจะได้เห็นมากขึ้นในไตรมาส 3-4 ส่วนการบริโภคก็ยังดีอยู่ และการท่องเที่ยวส่วนของรายได้มีโอกาสปรับขึ้นจากนักท่องเที่ยวเข้าไทยมีการใช้จ่ายที่ดูดีกว่าคาด แม้สภาพัฒน์จะคงประมาณการจำนวนนนักท่องเที่ยวไว้เท่าเดิม ส่วนการลงทุนภาคเอกชนติดลบในไตรมาส 2 อาจเป็นเพราะความเชื่อมั่นของนักลงทุนยังไม่กลับมา ถ้าภาครัฐมีการออกมาตรการมาช่วยกระตุ้น ก็อาจจะทำให้การลงทุนภาคเอกชนดีขึ้น”

นอกจากนี้ กำไรไตรมาส 2 ปี 2567 ที่ออกมากว่า 250,000 ล้านบาท เติบโตราว 19% YoY และลดลง 5% QoQ  เพราะไตรมาส 1 ทำกำไรสูงอยู่แล้ว และหากมองที่บูมเบิร์กทำไว้ราว 200 บริษัท จะเห็นได้ว่ากำไรไตรมาส 2 ของบริษัทออกมามากกว่าคาด 6% ถือว่าดีใช้ได้ ดังนั้นจึงยังคงเป้าดัชนี SET ไว้ที่ 1,460 จุด คิด EPS 92 บาท

ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียส่วนใหญ่เคลื่อนไหวในแดนบวก เช่นเดียวกับตลาดในยุโรปที่เทรดบ่ายนี้ก็ยังปรับตัวขึ้น ในช่วงรอดูการประชุมที่แจ็คสันโฮลในวันที่ 22-24 ส.ค.นี้ ให้จับตาถ้อยแถลงของประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และติดตาม PMI ภาคการผลิต และบริการ ของสหรัฐ และยุโรปที่จะทยอยประกาศออกมา ส่วนในประเทศให้รอดูการประชุมกนง.ในวันพุธนี้ (21 ส.ค.) ซึ่งคาดว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ก่อน

แนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้ (20 ส.ค.) ตลาดคงจะเคลื่อนไหวทรงตัวหลังปรับขึ้นแรงวันนี้ โดยมีแนวรับ 1,300 จุด แนวต้าน 1,330 จุด

5 อันดับหุ้นที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด ได้แก่
KBANK ปิดที่ 138.50 บาท เพิ่มขึ้น 5.00 บาท หรือ +3.75% มูลค่าซื้อขาย 4,788.67 ล้านบาท
BBL ปิดที่ 134.00 บาท เพิ่มขึ้น 3.50 บาท หรือ +2.68% มูลค่าซื้อขาย 2,708.47 ล้านบาท
SCB ปิดที่ 106.50 บาท เพิ่มขึ้น 3.00 บาท หรือ +2.90% มูลค่าซื้อขาย 1,853.48 ล้านบาท
CPALL ปิดที่ 57.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.25 บาท หรือ +2.24% มูลค่าซื้อขาย 1,573.64 ล้านบาท
EA ปิดที่ 4.92 บาท เพิ่มขึ้น 0.68 บาท หรือ +16.04% มูลค่าซื้อขาย 1,509.00 ล้านบาท