SPALI คงเป้ารายได้ปีนี้ 3.6 หมื่นลบ. ตลาดอสังหาฯผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว

HoonSmart.com>>”ศุภาลัย”(SPALI) คงเป้ารายได้ปี 67 ที่ 3.6 หมื่นล้านบาท ผลงานครึ่งปีหลังคาดดีกว่าครึ่งปีแรก  โอนกรรมสิทธิ์ หนุนยอดขายดีขึ้น รับส่วนแบ่งกำไรบริษัทร่วมในออสเตรเลียเพิ่ม กอด Backlog 12,641 ล้านบาท  รุกตลาดคอนโดฯปลายปีนี้ถึงปีหน้า ปีนี้แผนเปิด 40 โครงการ มูลค่ารวม 5 หมื่นล้านบาท ครึ่งปีเปิดไปแล้ว 20 โครงการ  2.27 หมื่นล้านบาท งบลงทุนปีนี้ 1.25 หมื่นล้านบาท ใช้ซื้อที่ดิน 8 พันล้านบาท ภาพตลาดอสังหาฯผ่านจุดต่ำสุดแล้ว  

นายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย (SPALI) เปิดเผยว่า บริษัทยังคงเป้ารายได้ปี 2567 ไว้ที่ 36,000 ล้านบาท คาดผลดำเนินงานในครึ่งปีหลังจะจะดีกว่าครึ่งปีแรก จากยอดโอนกรรมสิทธิ์ที่มีมากขึ้น ทำให้ยอดขายดีขึ้น และยังมีส่วนแบ่งกำไรจากการลงทุนบริษัทร่วมในออสเตรเลียจะมีเข้ามาเพิ่มในครึ่งปีหลัง  โดยเฉพาะตลาดคอนโดมิเนียมที่ดูดีขึ้น บริษัทมีแผนที่จะรุกตลาดคอนโดอีกครั้งในช่วงปลายปีนี้ไปจนถึงปี 2568 ส่วนปีนี้มีแผนเปิด 40 โครงการ มูลค่ารวม 5 หมื่นล้านบาท  ครึ่งปีแรกเปิดไป 20 โครงการแล้ว มูลค่ารวม 22,700 ล้านบาท ครึ่งปีหลังจะเปิดอีก 20 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 27,000 ล้านบาท ปีนี้ตั้งงบลงทุนไว้ 12,500 ล้านบาท เป็นงบใช้ซื้อที่ดิน 8,000 ล้านบาท แม้ภาพตลาดปีนี้ยังไม่ได้ดูดี แต่ยังมองภาพรวมเป็นบวก

“ตลาดคอนโดฯในครึ่งปีหลังจะมียอดขายที่ดีขึ้น โดยเฉพาะในไตรมาส 3 จะมีการโอนกรรมสิทธิ์เยอะสุด เทรนขายคอนโดฯได้รับการตอบรับดี ศุภาลัย ไอคอน ล่าสุดยอดขายกว่า 800 ล้านบาท ปีนี้มีโครงการคอนโดฯที่ครบกำหนดโอนกรรมสิทธิ์ 5 โครงการ ก็คงจะทยอยโอนกันไป ปัจจุบันบริษัทมีงานในมือ (Backlog) อยู่ 12,641 ล้านบาทจะทยยอยรับรู้ในครึ่งปีหลัง”

สถานการณ์หุ้นกู้ในครึ่งปีแรกมี Default ทำให้กระทบความเชื่อมั่นของนักลงทุน แต่บริษัทที่แข็งแกร่งก็ยังได้รับความเชื่อมั่นจากนักลงทุนอยู่ อย่าง SPALI ออกหุ้นกู้ไป 5 พันล้านบาทเมื่อต้นเดือนส.ค.ทีผ่านมา อายุ 2 ปี อัตราดอกเบี้ย 2.91% และ 2.96% ก็สามารถขายหมดได้ ซึ่งต้นทุนทางการเงินของบริษัทขณะนี้อยู่ที่ 2.95% โดยธนาคารได้อนุมัติสินเชื่อให้กับบริษัทไว้ 15,200 ล้านบาท ซึ่งวงเงินนี้ทางบริษัทยังไม่ได้ใช้

กรรมการผู้จัดการ SPALI กล่าวว่า ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์มองว่าได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในครึ่งปีแรก แม้ปัจจุบันทิศทางอัตราดอกเบี้ยยังอยู่ในระดับสูงอยู่ แต่มีโอกาสที่จะปรับลดอัตราดอกเี้ย  ตอนนี้ยังไม่ลด หากลดดอกเบี้ยทุก 1% จะช่วยเพิ่มกำลังซื้อได้ราว 7-8% ซึ่งคาดหวังจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยภายในสิ้นปีนี้ มาเป็นตัวช่วยกระตุ้นธุรกิจอสังหาฯ ส่วนการแข่งขันในตลาดอสังหาฯน้อยลงอย่างชัดเจน ความต้องการ (Demand) ทั้งคอนโดมิเนียม และแนวราบลดลง แต่การเปิดตัวใหม่ของโครงการก็น้อยลง เรียกได้ว่า Supply ลดมากกว่า Demand ซึ่ง Supply ไม่เข้าตลาดมาก เห็นได้จาก EIA มีการยื่นขอน้อย โดยปีครึ่งที่ผ่านมามีการยื่นขอแค่ 5 โครงการต่อเดือน จากช่วงก่อนโควิดมีการยื่นขอถึง 15 โครงการต่อเดือน จึงมองตลาดมีโอกาสฟื้น

ในแง่ของที่ดินก็มีโอกาสมากขึ้นหลังมีการจัดเก็บภาษีที่ดิน และสิ่งปลูกสร้างในอัตราจริงในปีนี้ จากปีแรกเก็บภาษีฯคิดในอัตราต่ำ เมื่อต้องมาจ่ายภาษีฯในอัตราจริง ทำให้เจ้าของที่ดินนำที่ดินออกมาขายมากขึ้น ซึ่งทาง SPALI มีเป้าหมายที่จะซื้อที่ดินในปีนี้ 8,000 ล้านบาท

“นักพัฒนาจะซื้อที่ดินได้มากขึ้น ถ้ามีตัวช่วยจากดอกเบี้ยลดลง การแข่งขันไม่ดุเดือด ซึ่งก็มีสัญญาณชัดเจน รวมถึงสถานะการเงินแข็งแรงด้วย”นายไตรเตชะกล่าว