BAM กำไร Q1/66 ที่ 267 ลบ. ค่าใช้จ่ายเพิ่ม-บันทึกขาดทุนด้านเครดิต

HoonSmart.com>>”บริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์”(BAM) ชี้แจงกำไรสุทธิไตรมาส 1/66 จำนวน 267 ล้านบาท ลดลง 14.5% จากปีก่อน เหตุหลักจากค่าใช้จ่ายรวมที่เพิ่มขึ้น และการบันทึกรายการผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น

บริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ (BAM) แจ้งว่า ไตรมาส 1/66 กำไรส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นของบริษัทใหญ่ มีจำนวน 266.56 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มี 311.84 ล้านบาท โดยกำไรสุทธิต่อหุ้น 0.08 บาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มี 0.10 บาท

พร้อมชี้แจงว่า กำไรสุทธิสำหรับไตรมาส 1/66 จำนวน 267 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 14.5 จากปีก่อน มีสาเหตุหลักมาจากค่าใช้จ่ายรวมที่เพิ่มขึ้น และการบันทึกรายการผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น

ค่าใช้จ่ายรวมเพิ่มขึ้น มีสาเหตุหลักมาจากค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นจากดอกเบี้ยหุ้นกู้เพื่อเพิ่มสัดส่วนโครงสร้างหนี้สินที่มีดอกเบี้ยคงที่(Fixed rate) และค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานอื่นเพิ่มขึ้น เป็นผลจากค่าใช้จ่ายพนักงานเพิ่มขึ้นตามเกณฑ์การขึ้นเงินเดือนและการตั้งประมาณการเงินเงินช่วยเหลือพิเศษ(โบนัส)รวมถึงค่าใช้จ่ายในการประเมินราคาทรัพย์ที่เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ในไตรมาส 1/66 มีอัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้เป็นร้อยละ 51.2 (ปี 2565 : ร้อยละ 43.2)

สำหรับผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น แม้ว่าไตรมาส 1/66 จะลดลงจากปีก่อน อันเป็นผลจากรายได้ดอกเบี้ย-ส่วนค้างรับลดลงจากความสามารถในการชำระเงินของลูกหนี้รายย่อยอยู่ในเกณฑ์ที่ดีแต่มีการบันทึกผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจากการประเมินคุณภาพหนี้และการทบทวนโมเดลประจำ ปีโดยบันทึกเป็นจำนวน 132 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 214.3 จากปีก่อน

ในไตรมาส 1/2566 บริษัทฯ มีผลเรียกเก็บรวม 3,230 ล้านบาท (ร้อยละ 93.2 ของเป้าหมายไตรมาส) เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.2 จากปีก่อน แบ่งเป็น ผลเรียกเก็บ NPL จำนวน 1,972 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 2.5 จากปีก่อน โดยบริษัทฯยังต้องเร่งการเจรจาลูกหนี้เพื่อเพิ่มจำนวนลูกหนี้ปรับโครงสร้างหนี้สำหรับผลเรียกเก็บ NPA จำนวน 1,258 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 10.4 จากปีก่อน บริษัทฯ ยังคงใช้กลยุทธ์ราคาพิเศษและโปรโมชั่นส่งเสริมการขาย เพื่อกระตุ้นยอดขายในช่วงที่ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ยังฟื้นตัวไม่เต็มที่ (ราคาขายคิดเป็นร้อยละ 90.6 ของราคาประเมิน)

ปริมาณหนี้เสียที่สถาบันการเงินนำออกมาขายในปี 2566 มีแนวโน้มมากขึ้น และอาจสูงกว่าช่วงก่อนไวรัสโควิด-19 แพร่ระบาด โดยในไตรมาส 1/66 สถาบัน การเงินนำหนี้เสียออกมาประมูลเป็นเงินต้น 63,964 ล้านบาท บริษัทฯชนะการประมูลเป็นเงินต้น 9,334 ล้านบาท ที่ต้นทุน 2,650 ล้านบาท และอยู่ระหว่างตรวจสอบข้อมูล Due Diligence เป็นเงินต้น 47,261 ล้านบาท