ตลท.มั่นใจระบบซื้อขายใหม่ฉลุย 8 พ.ค.นี้ เปิดข้อมูลละเอียด แนะเรียนรู้-ใช้ประโยชน์

HoonSmart.com>>ตลาดหลักทรัพย์ (SET) และTFEX พร้อมแล้ว นำระบบซื้อขายใหม่มาใช้ 8 พ.ค.นี้ ขยายโอกาสลงทุน ประสิทธิภาพสูง ทั้งรองรับมูลค่าซื้อขายสูง ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เปิดเผยข้อมูลละเอียด ปรับแสดง Bid/Offer จาก 5  เป็น 10 ระดับราคา เพิ่มความโปร่งใส แนะนักลงทุนศึกษาการใช้ข้อมูล มาขยายโอกาสลงทุน ระบบรายงานข้อมูลเพิ่มในรูปแบบกราฟฟิก ใส่เคสผิดปกติแปลกๆที่เคยเกิดขึ้นในตลาดเมืองนอก ช่วยให้งานกำกับรวดเร็วยิ่งขึ้น ถือโอกาสปรับเกณฑ์สำคัญ เพิ่มป้าย P (Pause) ห้ามซื้อขาย 1 วัน สำหรับหลักทรัพย์ที่เข้าเกณฑ์แคชบาลานซ์ระดับ 3 ให้ต่างจาก SP

นายถิรพันธุ์ สรรพกิจ รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานเทคโนโลยีสารสนเทศ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ (SET) และตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (TFEX) ได้ร่วมมือกับ Nasdaq ในการพัฒนาระบบซื้อขายใหม่ โดยจะเริ่มใช้ในวันที่ 8 พ.ค.นี้เป็นต้นไป หลังจากใช้ระบบเดิมมานาน 7-8 ปี โดยใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมล่าสุดที่เป็นมาตรฐานสากล มีประสิทธิภาพสูงในการจัดการคำสั่งซื้อขายได้รวดเร็วขึ้น สามารถรองรับปริมาณธุรกรรมที่จะขยายตัวเพิ่มขึ้นได้ในอนาคต และพร้อมรองรับผลิตภัณฑ์ด้านการลงทุนที่หลากหลายในรูปแบบใหม่ๆ ลดเวลาในการออกโปรกดักส์ใหม่ ทั้งตลาดทุนและตลาดอนุพันธ์ เพื่อเพิ่มทางเลือกให้แก่ผู้ลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ

นอกจากนี้ตลาดหลักทรัพย์และตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้าได้เปลี่ยนระบบเผยแพร่ข้อมูลซื้อขาย (Market Data System) ระบบงานกำกับการซื้อขาย (Market Surveillance System) ในคราวเดียวกัน โดยได้ประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและการประมวลผลข้อมูลที่เป็นสากลและสอดคล้องกับระบบซื้อขายใหม่ ซึ่งจะสามารถเผยแพร่ข้อมูลไปยังระบบของสมาชิกและผู้ให้บริการข้อมูลอื่นๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยมาตรฐานที่เป็นสากล รวมถึงยกระดับเครื่องมือและโปรแกรมที่ใช้ในการตรวจสอบ เพื่อให้สามารถวิเคราะห์ความผิดปกติในการซื้อขายได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำมากขึ้นตามลำดับ

“ตอนนี้โบรกเกอร์ทุกรายยืนยันถึงความพร้อมการใช้ระบบซื้อขายใหม่ บริษัทหลักทรัพย์และสถาบันต่างประเทศ รวมถึงตลาดหุ้นอื่นๆก็ใช้ระบบนี้ เราใช้ภาษาเดียวกัน มีโนฮาว เคสที่เจอแปลกๆ หลากหลาย ในบางตลาด เป็นประสบการณ์ได้  เพื่อให้การกำกับดีขึ้น เคสที่เคยเกิดขึ้นหรือเกิดซ้ำๆ เราก็สามารถทำได้เร็ว ยังไงยังคงมีคนเข้ามาเกี่ยวข้อง จากเดิมใช้คนทั้งหมด  ต่อไปน่าจะเห็นการเชื่อมโยงด้วยเครื่องมากขึ้น ระบบจะให้ข้อมูลหลายรูปแบบ เดิมเป็นตัวเลข อาจจะรู้ว่าผิดปกติ แต่ถ้าออกมาเป็นกราฟ  ช่วยให้ตัดสินใจได้เร็วขึ้น นอกจากนี้ Nasdaq เพิ่งซื้อเทคคอมพานี  มีแผนที่จะนำเอา AI และระบบ มาจับการทำราคากับสิ่งผิดปกติ ทำให้เราได้เทคโนโลยีใหม่ ๆ”นายถิรพันธุ์กล่าว

สำหรับปรับการแสดง Bid/Offer เป็น 10 ระดับราคา จากเดิม 5 ระดับราคา จะเป็นการเปลี่ยนแปลงที่เป็นประโยชน์กับผู้ลงทุน เนื่องจากช่วยเพิ่มความโปร่งใส นักลงทุนมีการตัดสินใจลงทุนดีขึ้น จากมีข้อมูลเพิ่มขึ้น และเป็นไปตามเทรนของตลาดหลักทรัพย์ทั่วไป ซึ่ง SET ก็จะเทียบเคียงไปกับภูมิภาคนี้ นอกจากนี้ยังมีการเพิ่มความละเอียด timestamp ของคำสั่งซื้อขายและเวลาที่เกิดการจับคู่ซื้อขายในระดับ nanosecond เทียบเท่าตลาดต่างประเทศชั้นนำ เพิ่มฟังก์ชันอำนวยความสะดวกให้กับบริษัทสมาชิก เช่น Self-match Prevention ช่วยป้องกันการจับคู่กันเองของคำสั่งซื้อขายจากลูกค้าราย/กลุ่มเดียวกัน และ Pre-Trade Risk Management เป็นทางเลือกเพิ่มเติมในการบริหารความเสี่ยงของบริษัทสมาชิก

“ระบบใหม่ข้แสดงข้อมูลมากขึ้น นักลงทุนสามารถนำไปใช้ในการพัฒนาโปรแกรมเทรดได้ดียิ่งขึ้น แต่จะต้องเพิ่มการเรียนรู้ของใหม่ เมื่อเราเห็นดีมานด์ ซัพพลาย ก็สามารถวางตัวได้ว่าจะซื้อหรือขาย เช่น เราเห็นเทรนขาลงมาเยอะ เราก็อาจจะต้องตั้ง Stop Loos ไว้ได้ ซึ่งเป็นการใช้ในการประกอบการตัดสินใจ และใช้กลยุทธ์ในการส่งออเดอร์ด้วย”

ด้านน.ส.ภัทรวสี สุวรรณศร รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานบริหารการปฎิบัติการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า เกณฑ์การซื้อขายสำคัญของ SET ที่มีการปรับปรุง ได้แก่
1.ปรับการคำนวณราคาเปิด-ราคาปิด โดยการคำนวณยังเป็นไปตามหลักการเดิม คือ ระบบคำนวณด้วยวิธีจับคู่ซื้อขายในคราวเดียว (Auction) ส่วนราคาเปิด-ปิดอาจอยู่นอกกรอบ Ceiling &Floor (C&F) ได้ แต่ไม่เกิน 1 ช่วงราคา (Tick)

2.ปรับ Ceiling & Floor ของหลักทรัพย์ -F ให้มี Ceiling & Floor +/- 60% ของราคาอ้างอิงในทุกวิธีการซื้อขาย เนื่องจากมีซัพพลายน้อย  (เดิม กำหนด C&F +- 30% ของราคาอ้างอิง สำหรับการซื้อขายรายใหญ่หุ้น -F

3.ยกเลิกการซื้อขายหน่วยย่อย (Old Lot) ของ DW

4.ปรับประเภทคำสั่งซื้อขาย เช่น เพิ่มคำสั่ง Good till Cancel (GTC) และ Good till Date (GTD), ปรับปรุง Iceberg Order เป็นต้น ตั้งออเดอร์ล่วงหน้าได้นาน

5.เพิ่มเครื่องหมายห้ามการซื้อขาย P (Pause) ชั่วคราว โดยจะใช้กับหลักทรัพย์ที่ SET กำหนดให้เข้ามาตาการกำกับการซื้อขายระดับ 3 เพื่อให้เกิดความชัดเจนแก่ผู้ลงทุน จากปัจจุบันที่ใช้เครื่องหมาย SP เป็นการทั่วไป

6. ปรับการแสดง Bid/Offer เป็น 10 ระดับราคา (ขึ้นอยู่กับการแสดงหน้าจอของแต่ละ Broker ด้วย) ข้อนี้ไม่กระทบเกณฑ์ แต่เป็นการเปลี่ยนแปลงที่เป็นประโยชน์กับผู้ลงทุน

ส่วนเกณฑ์ซื้อขายสำคัญของ TFEX ที่มีการปรับปรุง ได้แก่
1.ปรับการคำนวณราคาเปิด-ราคาปิด ตามกลไกการทำงานหลัก (Core Algorithm) ในระบบซื้อขายใหม่
2.ปรับประเภทและเงื่อนไขคำสั่งซื้อขาย เช่น เพิ่ม Session State Order, ปรับอายุของคำสั่ง GTC และ GTD ที่อยู่ในระบบซื้อขาย เป็นต้น
3.ปรับปรุงแนวทางหยุดการซื้อขาย Circuit Breaker รายสินค้าโดยหยุดซื้อขาย 2 นาที ให้สอดคล้องตาม Global Practice ซึ่งจะช่วยให้ผู้ลงทุนสามารถปรับสถานะได้ทันต่อสถานการณ์มากขึ้น และปรับใช้เป็นแนวทางเดียวกันสำหรับสินค้ากลุ่ม Non Equity Derivatives
4.ปรับช่วงราคาซื้อขายขั้นต่ำของ Block Trade สินค้า Sector Futures เป็นทศนิยมราคา 4 ตำแหน่ง (0.0001 จุด)