โดย..ณัฏฐะ มหัทธนา, CFA ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ
ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนและลูกค้าสัมพันธ์ บลจ.กรุงไทย
กระแสควบรวมกิจการ (Mergers and Acquisitions: M&A) กำลังมาแรงในกลุ่ม Mining และ Energy เราหยิบบางข่าว/บทความที่ผ่านสายตาช่วง 1-2 สัปดาห์ล่าสุดมาสรุปสั้นๆดังนี้
Rise of EVs Drives Mining Deals to Decade High (22 เม.ย.) The Wall Street Journal เผยแพร่บทความระบุ นับตั้งแต่ต้นปีนี้บรรดาบริษัทในกลุ่มเหมืองแร่ (Metals & Mining) ได้ประกาศดีลควบรวมกิจการมูลค่าทั้งสิ้นกว่า $65 พันล้าน สูงเกือบเท่าตัวของช่วงเดียวกันปีที่แล้ว ($36 พันล้าน) และเป็นการออกสตาร์ทแรงสุดตั้งแต่ปี 2012 เพื่อตอบโจทย์ความพยายามแข่งขันกันเพิ่มซัพพลายโลหะที่ใช้ผลิต EV และโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานสะอาด อาทิ ทองแดง นิกเกิล ลิเธียม
M&A Activity In The Permian To Pick Up In 2023 (20 เม.ย.) เว็บไซต์ OilPrice.com นำเสนอความเห็นคอลัมนิสต์ชี้บรรดาผู้ผลิตน้ำมันจากชั้นหิน (shale oil) ในแหล่งใหญ่ Permian Basin เตรียมควบรวมกิจการกันอย่างคึกคักในปีนี้ หลังรับข่าวครึกโครมจุดพลุกระแส M&A รอบใหม่ในอุตสาหกรรมพลังงาน (Energy) ตั้งแต่ต้นเดือนโดย ExxonMobil เริ่มเจรจาความเป็นไปได้ที่จะเข้าซื้อกิจการ Pioneer Natural Resources ซึ่งเป็นผู้เล่นรายใหญ่สุดในตลาดดังกล่าว
Big Oil’s Cash ‘Golden Age’ Puts Dealmaking Back on the Agenda (24 เม.ย.) Bloomberg ตั้งข้อสังเกต บรรดาบริษัทน้ำมันขนาดยักษ์ (Big Oil) ปีที่ผ่านมาได้ซื้อหุ้นคืน (buybacks) ลดจำนวนหุ้นในตลาด 8% และชำระหนี้ไปแล้ว $87 พันล้าน ขณะกระแสเงินสดของธุรกิจ oil & gas ยังแข็งแกร่งต่อเนื่อง น่าจะกระตุ้นให้ผู้บริหารองค์กรด้านพลังงานเหล่านี้มุ่งแสวงหา “ดีล” ซื้อและควบรวมกิจการระดับใหญ่ๆปังๆ ขยายการเติบโตของผลผลิตอย่างรวดเร็วเพื่อจะได้รับประโยชน์เต็มที่จากแนวโน้มราคาน้ำมันสูงยาวนาน
กระแสเงินสด (Free Cash Flow) จำนวนมหาศาลจากการดำเนินงานในช่วงปีที่ผ่านมาของบรรดาธุรกิจในทั้งสองอุตสาหกรรมซึ่งได้รับอานิสงส์ “ลาภลอย” บนราคาโภคภัณฑ์ที่พุ่งขึ้น “รอบฉาบฉวย” ด้วยสงครามยูเครน นอกจากนำไป ชำระหนี้ จ่ายปันผล ซื้อหุ้นคืน เพิ่มผลตอบแทนแก่ผู้ลงทุนแล้ว เวลานี้ดูทิศทางข่าวก็น่าจะถึงคราวขยายโอกาสเติบโตสไตล์ inorganic growth ผ่านธุรกรรมควบรวมกิจการ (M&A) หลังราคาโภคภัณฑ์ผ่านช่วงปรับฐานใหญ่ไปเรียบร้อย พร้อมกลับเข้าสู่ขาขึ้นอย่างจริงจังตามแนวโน้มเชิงโครงสร้างระยะยาว แถมปัจจัย “ลมหนุน” ตัวสำคัญคือ “ดอลลาร์อ่อนค่า” ก็มาพอดี!
เศรษฐกิจสหรัฐยังไม่ถดถอย แต่ปัญหาเงินฝากไหลออกจากระบบธนาคารน่าจะบีบเฟดหยุดขึ้นดอกเบี้ยในไม่ช้า เป็นปัจจัยสนับสนุนการลงทุน ตลาดเกิดใหม่ (Emerging Markets: EM) และ สินค้าโภคภัณฑ์ (Commodities) รวมถึงหุ้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากแนวโน้มราคาโภคภัณฑ์ขาขึ้น เราเห็นควรเดินหน้าซื้อ KT-MINING และ KT-ENERGY ให้เต็มศักยภาพ ตามระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ของแต่ละบุคคล
KT-MINING กองทุนรวมหมวดอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับโลหะและเหมืองแร่ ลงทุนในหน่วยของ Allianz Global Metals and Mining (กองทุนหลัก) เน้นหุ้นของบริษัทซึ่งมียอดขายและกำไรจากการสำรวจ สกัด หรือแปรรูปทรัพยากรธรรมชาติจำพวกโลหะ เศรษฐกิจจีนฟื้นหนุนดีมานด์ระยะสั้น-กลาง Green Economy, EV ขับเคลื่อนความต้องการระยะยาว ขณะซัพพลายโตตามไม่ทัน
KT-ENERGY ลงทุนในหน่วยของ BGF World Energy (กองทุนหลัก) เน้นหุ้นของบริษัทชั้นนำทั่วโลกซึ่งมีธุรกิจหลักในการสำรวจ พัฒนา ผลิต และจำหน่ายพลังงาน จึงเหมาะที่จะใช้รับโอกาสและความเสี่ยง (exposure) จากแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงราคาพลังงานโลก โดยมี “น้ำมัน” เป็นตัวหลัก ผู้จัดการกองทุนสนใจธุรกิจที่รักษาวินัยค่าใช้จ่ายลงทุน (capex) บริษัทน้ำมันที่สะสมกำไรเพราะได้เปรียบด้วยต้นทุนต่ำ และธุรกิจก๊าซธรรมชาติเหลว (Liquefied Natural Gas: LNG) ซึ่งกำลังเติบโตสูงเพราะถูกมองว่าเป็นสะพานเชื่อมในช่วงเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานใหม่ เป็นต้น
*** อัพเดตความเห็นล่าสุดของเราได้ทุกเช้าที่รายการ Fund Today by KTAM ***
ไอเดียกองทุนรวมมีให้ทุกวัน ผู้สนใจเชิญรับชม Fund Today by KTAM ทุกเช้าวันทำการเริ่มเวลา 8:45 น. สามารถพิมพ์คำถามทางไลฟ์ Facebook: KTAM Smart Trade, Youtube: KTAM TV ONLINE หรือรับฟังและร่วมพูดคุยใน Clubhouse: KTAM Smart Trade สดพร้อมกันสามช่องทาง นอกจากนี้ดูคลิปย้อนหลังได้ทั้ง Youtube และ Facebook
#คุยทุกวันฟันทุกเช้า #ฟันทูเดย์845
คำเตือน: ความเห็นส่วนบุคคล ไม่ใช่คำแนะนำการลงทุน ผลการดำเนินงานในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน คู่มือการลงทุน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน