KTSF กองทุนหุ้นไทยยอดเยี่ยม Morningstar Awards 2023

HoonSmart.com>> “กองทุนเปิดกรุงไทยหุ้นทุนปันผล” (KTSF) ลงทุนหุ้นไทย กองทุนตัวท็อปการันตีด้วยรางวัล “กองทุนยอดเยี่ยม” ประเภทกองทุนรวมหุ้นขนาดใหญ่ (Equity Large Cap) จาก Morningstar Awards 2023

“กองทุนเปิดกรุงไทยหุ้นทุนปันผล” (KTSF) ภายใต้การบริหารของ ” บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กรุงไทย (KTAM) มีนโยบายการลงทุนในหรือมีไว้ซึ่งตราสารแห่งทุน โดยเฉลี่ยรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน โดยเน้นลงทุนในหุ้นสามัญที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ที่มีปัจจัยพื้นฐานดี มีความมั่นคง และให้ผลตอบแทนที่ดี กองทุนจะลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Derivative) แต่จะไม่ลงทุนในตราสารหนี้ที่มีลักษณะของสัญญาซื้อขายล่วงหน้าแฝง (Structure Note)

พอร์ตการลงทุนของกองทุน KTSF ข้อมูลล่าสุด ณ 28 ก.พ.2566 ลงทุนในหุ้น 5 อันดับแรก ได้แก่ หุ้น AOT สัดส่วน 5.83% ของมูลค่าสินทรัพย์สุทธิ (NAV) ของกองทุน รองลงมา GULF สัดส่วน 4.80% CPALL สัดส่วน 4.25% PTT สัดส่วน 4.25% และ ADVANC สัดส่วน 4.06% โดย 5 หมวดอุตสาหกรรมที่ลงทุนสูงสุด ได้แก่ หมวดบริการ 26.01% รองลงมา หมวดทรัพยากร 19.33% ธุรกิจการเงิน 14.05% เทคโนโลยี 11.58% อสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง 10.74%

ด้านผลการดำเนินงานของกองทุน KTSF ในปี 2565 ผลตอบแทนอยู่ที่ 4.07% และตั้งแต่จัดตั้งกองทุน เมื่อวันที่ 10 ก.ค.2543 ผลตอบแทนเฉลี่ย 8.64% ต่อปี ขณะที่ผลตอบแทนย้อนหลัง 3 ปี ข้อมูล ณ 28 ก.พ.2566 สร้างผลตอบแทนเฉลี่ย 7.86% ต่อปี

กลยุทธ์ “คัดเลือกหุ้น-ปรับพอร์ตไว” ฝ่าตลาดผันผวน

บลจ.กรุงไทย เปิดกลยุทธ์การลงทุนท่ามกลางภาวะตลาดผันผวนที่ส่งผลต่อความสำเร็จในปีที่ผ่านบทสัมภาษณ์ Morningstar ว่า กองทุน KTSF มีกลยุทธ์การบริหารแบบเชิงรุก มีการกระจายตัวในหุ้นอย่างเหมาะสม โดยจัดพอร์ตการลงทุนแบ่งเป็น

1) Core Portfolio เน้นลงทุนหุ้นที่มีความมั่นคง มีปัจจัยพื้นฐานดี มี Valuation ที่เหมาะสม เพื่อสร้างผลตอบแทนจาก Capital gain และเงินปันผลในระยะยาว และ

2) Satellite Portfolio ซึ่งเป็นการลงทุนตามทีมการลงทุนในแต่ละช่วงเวลาเพื่อมุ่งหวังผลตอบแทนระยะสั้น-ปานกลาง โดยกลยุทธ์การผสมดังกล่าวเพื่อมุ่งหวังให้กองทุนมีผลตอบแทนสูงกว่าตัวชี้วัดอย่างสม่ำเสมอ และมีความผันผวนน้อยกว่าความผันผวนของผลตอบแทนของตัวชี้วัดในทุกสภาวะตลาด

ในภาวะที่ตลาดหุ้นมีความผันผวนสูง การคัดเลือกหุ้นเป็นหัวใจสำคัญ ซึ่งผู้จัดการกองทุนได้ใช้การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน ติดตามและใช้ข้อมูลเชิงคุณภาพและปริมาณจากแหล่งข้อมูลที่หลากหลายเพื่อทำการประเมินมูลค่าหุ้น และค้นหาหุ้นที่ราคาตลาดยังต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง เพื่อช่วยเพิ่มโอกาสในการสร้างผลตอบแทนส่วนเพิ่มให้กองทุน และการวิเคราะห์เชิงลึกยังช่วยหลีกเลี่ยงผลกระทบจากการลงทุนในหุ้นที่มีโอกาสพลาดเป้าประมาณการผลการดำเนินกิจการ
ทั้งนี้การประเมินสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงและทบทวนพอร์ตการลงทุนอย่างต่อเนื่องของผู้จัดการกองทุนจะทำให้สามารถปรับพอร์ตการลงทุนได้ทันต่อสถานการณ์ ช่วยลดความเสี่ยงที่กระทบต่อพอร์ตการลงทุน และสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีได้อย่างสม่ำเสมอ ซึ่งเป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อความสำเร็จในปีที่ผ่านมา

จุดแข็ง “ทีมผู้จัดการกองทุน-ทีมวิจัย”

บลจ.กรุงไทย มีการร่วมกันทำงานแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่าง ทีมผู้จัดการกองทุน ทีมวิจัยภายใน บลจ. และ คณะกรรมการจัดการลงทุน โดยในทีมลงทุนมีการสื่อสารข้อมูลความคิดเห็นในทีมอย่างสม่ำเสมอ และใช้ความสามารถในการเลือกหุ้นที่ผู้จัดการกองทุนมีความเชี่ยวชาญในแต่ละสถานการณ์ตลาด เพื่อให้สามารถคัดสรรหุ้นและให้น้ำหนักลงทุนรายหุ้นสอดคล้องกับสภาวะตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป

ขณะเดียวกัน ทีมลงทุนประกอบด้วยบุคคลากรที่มีประสบการณ์ในตลาดหุ้นมากเพียงพอ มีความหลากหลายในเชิงความคิด มีการศึกษารายละเอียดของหลักทรัพย์และติดตามข้อมูลอย่างสม่ำเสมอ มีวินัยในการลงทุนตามแผนการลงทุนแต่ก็พร้อมที่จะปรับเปลี่ยนเมื่อสถานการณ์มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ พร้อมกันนั้น ทีมวิจัยภายในบลจ. มีนักวิเคราะห์ช่วยสนับสนุนให้ข้อมูลในเชิงลึก ทำประมาณการผลการดำเนินงาน และให้คำแนะนำในลักษณะของการมองไปข้างหน้าเพื่อประเมินหามูลค่าที่เหมาะสมตามปัจจัยพื้นฐานของหุ้น และมีคณะกรรมการจัดการลงทุนช่วยกลั่นกรองให้การลงทุนอยู่ภายใต้ความเสี่ยงที่เหมาะสม

“หุ้นไทย” ปีนี้ยังผันผวนสูง ชูหุ้นขนาดใหญ่คุณภาพดี

บลจ.กรุงไทยประเมินว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2566 จะยังคงอยู่ในทิศทางที่ฟื้นตัว และคาดว่าจะฟื้นตัวได้ดีขึ้นจากปี 2565 โดยมองปัจจัยขับเคลื่อนหลักมาจากภาคการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว และการบริโภคภายในประเทศที่จะได้รับอานิสงส์จากภาคบริการ ทำให้เศรษฐกิจขยายตัวได้ดีขึ้น ทั้งนี้ ปัจจัยความเสี่ยงจะมาจากภาคการผลิตสินค้าและการส่งออกที่อุปสงค์ต่างประเทศชะลอตัวลง จากความกังวลภาวะเศรษฐกิจโลกชลอตัวและการใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวด ด้านอัตราเงินเฟ้อคาดว่าผ่านจุดสูงสุดไปแล้วและอยู่ที่ทิศทางที่จะปรับตัวลดลงอย่างช้าๆ โดยดอกเบี้ยนโยบายจะปรับขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไปก่อนที่จะมีการปรับตัวลงเมื่อมีการควบคุมภาวะเงินเฟ้อได้ เพื่อสนับสนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจต่อไป

ในส่วนของตลาดหุ้นไทยในปีนี้ ยังคงมีความผันผวนสูงจากปัจจัยเสี่ยงจากปัจจัยภายนอกที่มาจากปัจจัยด้านสภาพคล่องที่ลดลงจากการลดการอัดฉีดเม็ดเงินของรัฐบาลประเทศต่างๆ และการปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางประเทศต่างๆทั่วโลกรวมทั้งไทย ปัจจัยด้านเงินเฟ้อที่แม้ชะลอลงแต่ยังอยู่ในระดับสูง ความกังวลต่อการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก และปัญหาความตึงเครียดจากความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์และการค้า

อย่างไรก็ตาม ปัจจัยภายในประเทศที่ส่งผลต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยมาจาก ภาคบริการและภาคท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว นักท่องเที่ยวต่างชาติโดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีนที่จะเดินทางออกมาท่องเที่ยวต่างประเทศและใช้จ่ายอย่างเต็มที่ หลังอั้นมาเกือบ 3 ปี จะช่วยหนุนภาวะตลาดโดยเฉพาะธุรกิจในภาคการท่องเที่ยวอยู่เป็นระยะๆตลอดทั้งปี ธุรกิจที่มีรายได้อิงกับในประเทศมีแนวโน้มจะเติบโตได้อย่างมีเสถียรภาพ ตามการบริโภคในประเทศที่ยังแข็งแรงโดยเฉพาะในช่วงเลือกตั้งทั่วไป

ขณะเดียวกัน คาดการณ์ทิศทางกระแสเงินไหลเข้ามาลงทุนเพิ่มขึ้นในกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ในปีนี้ หลังจากที่คาดว่าเฟดจะชะลอการขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงครึ่งหลังของปี และจากทิศทางเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วที่มีแนวโน้มอ่อนแอลงกว่าเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ โดยเฉพาะการลงทุนในภูมิภาคเอเชีย ที่ได้ประโยชน์จากการเปิดประเทศของจีน ในขณะที่ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนจะค่อยๆฟื้นตัวจากการเติบโตของภาคบริการและการลดลงของต้นทุนการผลิตตามราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่คาดว่าได้ผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว

คาดว่าการลงทุนในหุ้นไทยในปีนี้จะสามารถให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าปีก่อน และการลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่ที่มีคุณภาพของผลกำไรที่ค่อนข้างสม่ำเสมอ มีฐานะการเงินที่มั่นคงจะทำให้ได้รับผลตอบแทนสอดคล้องกับการปรับขึ้นของตลาดหุ้นไทยในปีนี้

ESG เป็นส่วนหนึ่งนำมาวิเคราะห์-ตัดสินใจเลือกลงทุน

พร้อมกันนี้บลจ.กรุงไทยมองการลงทุนอย่างยั่งยืนได้มีความสำคัญมากขึ้นอย่างต่อเนื่องในแวดวงการลงทุนในประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับนักลงทุนสถาบัน ซึ่งได้เล็งเห็นการนำปัจจัยด้าน ESG มาเป็นส่วนหนึ่งของปัจจัยในการตัดสินใจในการลงทุน เพื่อช่วยชี้ประเด็นความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นกับบริษัทที่ลงทุนอยู่หรือจะเข้าลงทุน และช่วยนำไปสู่ความระมัดระวังหรือลดความเสี่ยงต่อผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นได้ และในปัจจุบันการลงทุนอย่างยั่งยืนได้พัฒนาเพิ่มขึ้นไปสู่การจัดตั้งกองทุนที่เน้นลงทุนในบริษัทที่มีการบริหารจัดการปัจจัยด้าน ESG ที่โดดเด่น ซึ่งมุ่งหวังให้เกิดการกระตุ้นให้บริษัทจดทะเบียนให้ความสำคัญในเรื่องนี้มากยิ่งขึ้น สร้างให้เกิดผลกระทบเชิงบวก (Positive Impact) ต่อสังคมและชุมชน

นอกจากนี้ยังมีการร่วมมือกันระหว่างสมาชิกสมาคมบริษัทจัดการลงทุน (AIMC) ในการประชุมติดตามบริษัทที่เกิดประเด็นบกพร่องทางด้าน ESG ในลักษณะที่เป็นการร่วมกันเรียกร้องให้บริษัทเร่งแก้ไขปรับปรุงประเด็นดังกล่าวโดยเร็ว เพื่อยกระดับคุณภาพ ESG ของบริษัทในประเทศไทย

สำหรับการนำปัจจัยด้าน ESG เข้ามามีส่วนต่อการลงทุนของกองทุนสำหรับบลจ. กรุงไทย นั้น จะมีการนำปัจจัยด้าน ESG มาเป็นส่วนหนึ่งในการวิเคราะห์หลักทรัพย์ของฝ่ายวิจัย โดยจะพิจารณาบริษัทจดทะเบียนที่ไม่มีประเด็นเชิงลบในด้านสิ่งแวดล้อม สังคม หรือธรรมาภิบาล จึงจะสามารถผ่านเข้ามาเป็นหลักทรัพย์ที่ลงทุนได้ของกองทุน

“หุ้นขนาดใหญ่” ฐานะการเงินแกร่งรับมือทุกสภาวะ

บลจ.กรุงไทย คาดว่าการลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่ที่มีฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง สามารถให้ผลการดำเนินงานที่มั่นคงสม่ำเสมอ และจะสามารถทนทานต่อสถานการณ์ต่างๆ เมื่อเผชิญกับวัฏจักรการขึ้นลงของเศรษฐกิจ ดังนั้นนักลงทุนที่สนใจกองทุนหุ้นขนาดใหญ่จะสามารถคาดหวังผลตอบแทนที่มีผันผวนต่ำกว่าความผันของตลาดหุ้นโดยรวมและคาดหวังการจ่ายเงินปันผลที่ค่อนข้างสม่ำเสมอได้ในระยะยาว