HoonSmart.com>>”บล.บียอนด์ (BYD)” เผยผลงานปี 65 ขาดทุนสุทธิ 162 ล้านบาท จากค่าใช้จ่ายเพิ่งเปิดบริการเดินรถเมล์ไฟฟ้า และตัดค่าเสื่อมครั้งเดียวของสมาร์ทบัส ส่วนธุรกิจหลักทรัพย์พลิกกำไร 156 ล้านบาท แนวโน้มปี 66 รายได้โตก้าวกระโดด เก็บดอกเบี้ยปล่อยกู้ ไทย สมายล์ บัส เต็มปี สภาพคล่องเยอะนำไปลงทุนออกดอกผล มาร์จิ้นโลนโต ธุรกิจวาณิชธนกิจ-บริหารความมั่งคั่งสดใส สัมปทานเดินรถเมล์ไฟฟ้าเพิ่มขึ้น
บริษัทหลักทรัพย์ บียอนด์ (BYD) เปิดผลการดำเนินงานประจำปี 2565 ขาดทุนสุทธิ -161.75 ล้านบาทเทียบกับปี 2564 ขาดทุนสุทธิ -150.63 ล้านบาท เนื่องจากบริษัท ไทย สมายล์ บัส เพิ่งเริ่มเปิดบริการเดินรถโดยสารพลังงานไฟฟ้า ยังมีรายได้ไม่มากนัก และการซื้อบริษัท สมาร์ทบัส (SMB) เข้ามา มีการตัดค่าเสื่อมราคาในสินทรัพย์ที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายครั้งเดียวในปีที่ผ่านมา
ส่วนกิจการธุรกิจหลักทรัพย์ พลิกมีกำไรสุทธิ 155.51 ล้านบาท จากปีก่อนขาดทุนสุทธิ 148.23 ล้านบาท ดีขึ้น 303.74 ล้านบาทหรือพุ่งขึ้น 205% สาเหตุหลักมาจากรายได้ดอกเบี้ยจากเงินให้กู้ยืมแก่บริษัทร่วม(ไทย สมายล์ บัส) ตั้งแต่ปลายไตรมาสที่ 3/2565 จำนวน 154.60 ล้านบาท นอกจากนี้ยังได้รับชำระคืนจากเงินให้กู้ยืม และตั๋วแลกเงินที่ได้ตั้งค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นไว้เมื่อปี 2564 และประมาณการค่าใช้จ่ายจากคดีความที่ลดลง
BYD มีรายได้รวม -30.10 ล้านบาท จากส่วนแบ่งขาดทุนจากเงินลงทุนในบริษัทร่วม -317.25 ล้านบาท ขณะที่มีรายได้ก่อนส่วนแบ่งขาดทุนฯจำนวน 287 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 170.78 ล้านบาทหรือ147% ด้านค่าใช้จ่ายรวมลดลง 29% เหลือ 179.94 ล้านบาท
แนวโน้มผลการดำเนินงานในปี 2566 จะพลิกมีกำไรสุทธิ และรายได้เติบโตก้าวกระโดด 3-4 เท่าจากปีก่อน เนื่องจากการรับรู้รายได้จากดอกเบี้ยรับเต็มปี จากการปล่อยกู้ให้กับ บริษัท ไทยสมายล์บัส คาดได้รับจำนวน 500 ล้านบาท ส่วนธุรกิจหลักทรัพย์ก็มีรายได้ดีขึ้น จากมาร์จิ้นโลน รวมถึงธุรกิจบริหารความมั่งคั่งและธุรกิจวานิชธนกิจ นอกจากนี้สภาพคล่องที่มีอยู่ในมือจำนวนมาก ยังสามารถนำไปลงทุน เช่นในหุ้นกู้ที่มีเรทติ้งดีๆ ได้ผลตอบแทนที่ดีด้วย
สำหรับการให้บริการขนส่งมวลชนสาธารณะด้วยรถบัสไฟฟ้าและเรือไฟฟ้า ซึ่งบริษัทถือหุ้นทางอ้อม 49% ก็จะรับรู้ส่วนแบ่งกำไรตามสัดส่วน โดยมีสัญญาสัมปทานเดินรถ เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง