กลุ่มเจมาร์ทเชื่อมั่นหาย ลือถูกบีบ CALL 5 วัน รวยลดลง 26,071 ลบ.

HoonSmart.com>>นักลงทุนถล่มหุ้นครอบครัว “เจมาร์ท” ยับเยินเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยเฉพาะซิงเกอร์ฯ (SINGER) ดิ่งแรงที่สุดถึง -35.33% ตามด้วยบริษัท เอสจี แคปปิตอล (SGC) -24.69% บริษัท เจ มาร์ท (JMART) -21% ทำให้มูลค่าหุ้นของทั้ง 5 บริษัทหายไปมากถึง -26,071 ล้านบาท หลังจากขาดความเชื่อมั่นเรื่องกำไร-เจ้าของยกล็อตขายให้สถาบัน ราคาหุ้นที่ลดลงมาก มีกระแสว่าคนที่เล่น Block trade เสี่ยงถูกฟอสเซล (บังคับขาย) ส่วนมาร์จิ้น ถูกบังคับให้เติมเงิน (Call) ไม่เว้น “อดิศักดิ์ สุขุมวิทยา” ทางด้าน “บุษบา กุลศิริธรรม” เอ็มดี SGC โบกมือลาออก  

ตลาดหุ้นวันที่ 13-17 ก.พ.2566ที่ผ่านมา นักลงทุนพร้อมใจกันเทกระจาดหุ้นตระกูล J (เจมาร์ท) ทำให้ราคาดิ่งลงแรงผิดปกติตั้งแต่ 9-30% มีผลกระทบต่อตลาดโดยรวมและหุ้นในธุรกิจเดียวกัน โดยเฉพาะนอนแบงก์ คาดว่าแนวโน้มกำไรในในปี 2566 จะไม่สวยงาม แม้ว่า SINGER จะประกาศกำไรสุทธิ 935 ล้านบาทในปี 2565 เพิ่มขึ้น 33% ก็ตาม ในช่วงหน้าสิ่วหน้าขวาน เจ้าของ JMART  คือ นายอดิศักดิ์ สุขุมวิทยา กลับซ้ำเติมสถานการณ์ ขายหุ้นออกมาจำนวน 14 ล้านหุ้น ในราคา 28.50 บาท/หุ้น รับเงินประมาณ 399 ล้านบาท คงเหลือจำนวน 181,388,916 หุ้น หรือ 12.45% เมื่อวันที่ 15 ก.พ.ที่ผ่านมา และวันรุ่งขึ้น นางสาว ยุวดี พงษ์อัชฌา  กรรมการ ขายอีก  40 ล้านหุ้น ราคาเฉลี่ย 26.50  บาทมูลค่า 1,060 ล้านบาท คงเหลือจำนวน  70,894,15 หุ้น หรือ 4.86% จากเดิมถือสัดส่วน 7.61% โดยให้เหตุผลว่าขายหุ้นให้นักลงทุนสถาบัน

ขณะเดียวกันมีกระแสข่าวว่าราคาหุ้นในกลุ่มที่ปรับตัวลงแรง และหนักยิ่งขึ้นสำหรับการซื้อขาย Block trade เริ่มเข้าเกณฑ์การถูกฟอสเซล (บังคับขาย) ส่วนผู้ที่นำหุ้นไปวางค้ำประกันขอสินเชื่อ เมื่อราคาหุ้นปรับตัวลงมาตามเกณฑ์ ก็จะได้รับการติดต่อให้ต้องนำเงินไปเติม (Call) ก่อนที่จะถูกบังคับขาย ซึ่งมีกระแสข่าวว่า นายอดิศักดิ์ ก็ยังถูกให้นำเงินไปใส่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามข่าวนี้ ยังไม่ได้รับการยืนยันจากนายอดิศักดิ์แต่อย่างใด

ก่อนหน้านี้ นายอดิศักดิ์ ปลุกความมั่นใจนักลงทุน ตั้งเป้า JMART กำไรปี 2566 นิวไฮเติบโต 50% จากปีก่อนที่มีกำไร 1,795 ล้านบาท โดยเป็นการเติบโตทั้งในรูปแบบ Organic Growth เชื่อม Ecosystem ที่ครบวงจรที่สุดในกลุ่ม และ Inorganic Growth ผ่านพันธมิตรนอกกลุ่ม ล่าสุดได้ซื้อหุ้นบิ๊กล็อตของบริษัทบางกอกเดค-คอน ( BKD) จำนวน 100 ล้านหุ้น สัดส่วน 9.20% ราคาหุ้นละ 2.16 บาท มูลค่า 216 ล้านบาท ซึ่ง BKD มีความเชี่ยวชาญในด้านธุรกิจรับเหมาตกแต่งภายในอาคาร และเฟอร์นิเจอร์

นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า ราคาหุ้นในกลุ่มตระกูล J ปรับตัวลงต่อเนื่อง โดยสูญเสียความเชื่อมั่นจากนักลงทุน หลังจากผู้บริหารได้ขายหุ้นออกมา ซึ่งการที่เจ้าของขายหุ้นออกมาถือว่าไม่ดีในแง่ความรู้ของนักลงทุน แม้ว่าจะขายหุ้นให้แก่นักลงทุนสถาบัน แต่ก็ไม่มีใครรับประกันได้ว่าจะไม่เอาหุ้นออกมาขาย ซึ่งเป็นเรื่องที่ตอบยาก

ส่วนหุ้น SINGER ที่ทรุดตัวลงแรง ทางบริษัทได้เข้าไปซื้อคืนอย่างต่อเนื่อง เมื่อวันที่ 17 ก.พ.เก็บจำนวน 2 ล้านหุ้น ราคา 17.30-17.40 บาท/หุ้น  มูลค่ารวม 34.63 ล้านบาท ปัจจุบันซื้อหุ้นได้ทั้งสิ้น 7.6 ล้านหุ้น สัดส่วน 0.92% มูลค่ารวม 194.95 ล้านบาท ยังมีช่องว่างเหลืออีกมากให้เข้าไปซื้อเพิ่ม จากที่คณะกรรมการอนุมัติโครงการทั้งสิ้น 13.89 ล้านหุ้น สัดส่วน 1.69% นอกจากนี้บอร์ดมีมติจ่ายเงินปันผลหุ้นละ 0.26 บาท เป็นเงิน 217 ล้านบาท ให้กับผู้ถือหุ้นที่มีชื่อในทะเบียนวันที่ 8 พ.ค. และจ่ายเงินวันที่ 19 พ.ค.2566

บริษัท เอสจี แคปปิตอล (SGC) หนึ่งในผู้นำด้านสินเชื่อชั้น แจ้งว่า น.ส. บุษบา กุลศิริธรรม ได้แจ้งความประสงค์ขอลาออกจากตำแหน่งกรรมการและกรรมการผู้จัดการ เนื่องจากติดภาระกิจส่วนตัว มีผลตั้งแต่วันที่ 17 ก.พ.2566 เป็นต้นไป ทั้งนี้ SGC เพิ่งนำบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(SET) เมื่อวันที่ 13 ธ.ค.2565

ส่วนหุ้นบริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค (JMT) ปรับตัวลง -9.41% เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เริ่มเห็นสัญญาณยืนได้ อาศัยการให้ข้อมูลชนะการประมูลหนี้มาบริหาร คาดการณ์แนวโน้มกำไรโต 30% ในปี 2566 จากการใช้งบลงทุนซื้อหนี้อยู่ที่ประมาณ 10,000 – 15,000 ล้านบาท ซึ่งรวมถึงโอกาสจาก JK AMC

ขณะเดียวกันบริษัท เจเอเอส แอสเซ็ท ( J ) มีการขยายโครงการอสังหาริมทรัพย์สิ้นปี และมีพื้นที่เช่าของบริษัทฯ เพิ่มขึ้นเฉียด 100,000 ตารางเมตร ขณะที่แผนการขยายศูนย์การค้าในปี 2567 – 2568 บริษัทฯ ได้ที่ดินเพิ่มเป็นที่เรียบร้อยแล้ว 2 แห่งที่จ.ระยองและจ.ขอนแก่น เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับบุกตลาดหัวเมืองต่างจังหวัด

นักลงทุนที่มองหาโอกาสจากราคาหุ้นปรับตัวลงแรงของกลุ่ม J ควรพิจารณาข้อมูลครบถ้วนและรอบด้าน หาสาเหตุที่กดดันราคาหุ้นร่วงยกแผง ทั้งนี้ราคาหุ้นในปัจจุบัน ไม่ถือว่าถูกหรือแพง เมื่อเปรียบเทียบกับเป้าหมายที่นักวิเคราะห์ให้ไว้ แต่ไม่มีใครคาดการณ์ได้ว่าผู้บริหารจะไม่นำหุ้นออกมาขายล็อตใหญ่ๆ อีก

 

อ่านข่าว

กลุ่ม JMART ร่วงยกแผง สูญเสียความเชื่อมั่นหลังผู้บริหารขายหุ้น