BBLAM มองหุ้นไทยปีนี้กรอบ 1,600-1,700 จุด จับมือ Wellington เฟ้นหุ้นยั่งยืน

HoonSmart.com>> “บลจ.บัวหลวง” ประเมินหุ้นไทยปี 66 เคลื่อนไหวในกรอบ 1,600-1,700 จุด ตลาดตอบรับแนวโน้มเศรษฐกิจฟื้นตัว จีนเปิดเมือง เลือกตั้งหนุน มองหุ้นได้ประโยชน์เปิดประเทศยังโดดเด่น พร้อมจับมือ Wellington Management ผู้จัดการกองทุนระดับโลก ขยายความร่วมมือผ่านการถ่ายถอดความรู้ มุมมองและแนวคิดการลงทุน ด้าน “ความยั่งยืน” เสริมพอร์ตการลงทุนแกร่ง เติบโตอย่างยั่งยืน

นายพีรพงศ์ จิระเสวีจินดา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) บัวหลวง จำกัด (BBLAM) เปิดเผยว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยในปี 2566 คาดดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1,600-1,700 จุด โดยมองกลุ่มหุ้นที่เกี่ยวข้องกับการเปิดประเทศยังน่าสนใจ เช่น กลุ่มท่องเที่ยว โรงพยาบาลที่อิงนักท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและกลุ่มสื่อนอกบ้าน ซึ่งตลาดเริ่มตอบรับและคาดหวังการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในปีนี้อยู่ที่ 3.5-3.7% การเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวจีน รวมถึงการเลือกตั้งในประเทศ ซึ่งหลังจากนั้นต้องดูว่านโยบายเศรษฐกิจจะเป็นอย่างไร

ส่วนการลงทุนในต่างประเทศมองจีนและภูมิภาคเอเชียที่ได้รับอานิสงส์จากการเปิดประเทศของจีนน่าสนใจเช่นกัน

นายพีรพงศ์ กล่าวว่า สำหรับแผนการดำเนินงานของ BBLAM ในปี 2566 ยังคงขยายฐานการลงทุนเพิ่ม โดยเฉพาะในกลุ่มลูกค้ามั่งคั่ง (Wealth) ร่วมกับธนาคารกรุงเทพ โดยคาดหวังขยายมูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การจัดการ (AUM) แตะระดับ 1 ล้านล้านบาทในอนาคต จากปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 9 แสนล้านบาท

ส่วนภาพรวมปี 2565 ที่ผ่านมามีเม็ดเงินไหลเข้าลงทุนในกองทุนภายใต้การบริหารของ BBLAM เป็นยอดซื้อสุทธิ โดยเฉพาะกองทุนเพื่อประหยัดภาษี ทั้งกองทุนรวมเพื่อการออม (SSF) และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) ระดับกว่าหมื่นล้านบาท กองทุนที่ลงทุนต่างประเทศ (FIF) ประมาณ 2,000 ล้านบาท ในขณะที่ภาพรวมอุตสาหกรรมกองทุนไทยมีเงินไหลออกสุทธิกว่า 2 แสนล้านบาท หลังจากมูลค่าสินทรัพย์สุทธิ (NAV) ทั้งตราสารหนี้และตราสารทุนปรับลดลง

นายพีรพงศ์ กล่าวว่า BBLAM ยังได้ร่วมลงนาม “Sustainability Partnership” กับ Wellington Management ผู้จัดการกองทุนระดับโลก ที่มีทรัพย์สินภายใต้การบริหารจัดการ มากกว่า 1.4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ และเป็นผู้นำซึ่งมีความเชี่ยวชาญการลงทุนอย่างยั่งยืนมายาวนาน เพื่อขยายขอบเขตความร่วมมือ ผ่านการถ่ายทอดองค์ความรู้ แลกเปลี่ยนประสบการณ์ มุมมองและแนวคิดการลงทุนกับประเด็นสำคัญด้านความยั่งยืน จากทีมผู้จัดการกองทุนและนักวิเคราะห์ของ Wellington ให้กับทีมงานของ BBLAM

“BBLAM ตระหนักและให้ความสำคัญกับการปลูกฝังวิถีแห่งความยั่งยืนให้เป็นวัฒนธรรมองค์กร ตามทิศทางและเป้าหมายของการทำธุรกิจที่รับผิดชอบต่อสังคมและสร้างคุณค่าการลงทุนที่ดีที่สุดต่อลูกค้า ตลอดช่วงระยะเวลาการลงทุนกับเรา โดยมุ่งเน้นบริหารเงินลงทุนแบบ Sustainable Investment และตามหลักการของ ESG อย่างเคร่งครัดและต่อเนื่อง เพราะเชื่อว่าการลงทุนในบริษัทที่คำนึงถึง ESG และให้ความสำคัญกับความยั่งยืนของธุรกิจอย่างจริงจัง จะให้ผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว”นายพีรพงศ์ กล่าว

ปัจจุบันโลกต้องเผชิญกับความเสี่ยงจากภาวะโลกร้อนและสภาพอากาศที่แปรปรวน รวมถึงภัยพิบัติทางธรรมชาติที่ทวีความรุนแรง ทั้งน้ำท่วม ไฟป่า ภัยแล้ง ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานและผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนอย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนี้บริษัทจดทะเบียนอาจต้องใช้จ่ายงบประมาณไปกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดจาก Climate Transition Risk เช่น การเปลี่ยนแปลงจาก Fossil Fuel ไปสู่พลังงานสะอาด เราจึงเล็งเห็นถึงความสำคัญในการนำ ESG Integration และ Active Engagement มาใช้ในกระบวนการคัดเลือกหุ้น เพื่อหาผู้ชนะทางธุรกิจที่ปรับตัวได้รวดเร็ว และหลีกเลี่ยงธุรกิจที่ไม่ยอมรับกับความเปลี่ยนแปลง หรือธุรกิจที่อาจมีการฟอกเขียว (Green Washing) จากการกล่าวอ้างที่เกี่ยวเนื่องกับความยั่งยืน

“ที่ผ่านมาเราเห็นหุ้นบางบริษัทไม่ perform จากประเด็นสภาพแวดล้อม ทำให้นักลงทุนลดการถือครองหุ้น เช่น ธุรกิจถ่านหินแม้ราคาถ่านหินจะปรับเพิ่ม แต่ราคาหุ้นไม่ perform เป็นเพราะนักลงทุนต่างชาติไม่เอาถ่านหิน อย่างกรณี HSBC จะไม่ลงทุนหุ้นที่ลงทุนในเหมืองแร่มีมลพิษ AIA ก็ไม่ลงทุนเช่นกันสำหรับการลงทุนของเขาเอง ถ้าเป็นเงินลงทุนที่ให้ผู้จัดการลงทุนอื่นๆ บริหารก็จะให้ทยอยลดสัดส่วนลง จึงเป็นแรงกดดันต่อหุ้นกลุ่มดังกล่าว”นายพีรพงศ์ กล่าว

สำหรับบริษัทจดทะเบียนในไทยให้ความสำคัญด้าน ESG มากขึ้น แต่อาจยังมีจำนวนบริษัทไม่มากนัก รวมทั้งบริษัทขนาดเล็กที่มองเป็นต้นทุน แต่มองว่าหากบริษัทจดทะเบียนไม่ปรับตัวจะเสียหาย เพราะลูกค้าเป็นคนเลือกผลิตภัณฑ์รักษ์โลกหรือใช้วัตถุดิบรีไซเคิล ซึ่งมองว่าการลงทุนด้าน ESG ในวันนี้ในที่สุดจะให้ผลตอบแทนกลับมาและสร้างความยั่งยืน ส่วนจะเร็วแค่ไหนขึ้นอยู่กับแต่ละอุตสาหกรรม จึงเชื่อว่าจะเห็นพัฒนาการด้าน ESG ของบริษัทจดทะเบียนไทยเพิ่มขึ้น เพราะหากบริษัทใดไม่ทำจะไม่ได้รับเม็ดเงินลงทุน เงินจะถูกโยกไปลงทุนหุ้นตัวอื่น อย่างหุ้นพลังงานบางตัวที่ราคาไม่ไปไหน ซึ่ง BBLAM เองก็จะหลีกเลี่ยงการลงทุนกับบริษัทที่ไม่ปรับตัวเช่นกัน

“ความร่วมมือกับ Wellington ครั้งนี้ BBLAM มุ่งหวังต่อยอดความรู้ความเข้าใจด้าน “ความยั่งยืน” จากระดับองค์กร สู่การพัฒนาตลาดทุนไทยให้ก้าวไปพร้อมกับการยกระดับของการตระหนักรู้และคำนึงถึงปัจจัยด้าน ESG ให้เป็นรูปธรรมทัดเทียมมาตรฐานสากล เพื่อเป็นรากฐานที่มั่นคงสำหรับการลงทุนที่ยั่งยืนในประเทศไทยต่อไป”นายพีรพงศ์ กล่าว

Mr. Samuel Hui Managing Director, Wealth Business, Client Group APAC, Wellington Management เปิดเผยว่า Wellington Management พยายามที่จะขับเคลื่อนความเป็นเลิศสำหรับลูกค้าด้วยการพัฒนากลยุทธ์การลงทุนที่ยั่งยืน ซึ่งอิงกับการวิจัยที่น่าเชื่อถือและเผชิญหน้ากับโลกอนาคต ทั้งนี้ ความยั่งยืนมีความสำคัญในเชิงกลยุทธ์สำหรับบริษัท ทั้งยังเป็นส่วนสำคัญในด้านความมุ่งมั่นที่มีต่อลูกค้า การวิจัย ESG ภายในองค์กรเชิงลึกของเราพร้อมที่จะรองรับทีมการลงทุนทั้งหมดของเรา

ขณะเดียวกัน ความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์กับสถาบันต่างๆ เช่น Woodwell Climate Research Center จะช่วยให้ข้อมูลในการตัดสินใจลงทุนของพวกเขา เราเป็นผู้ลงนามก่อตั้งโครงการริเริ่ม Net Zero Asset Managers และหนึ่งในรองประธานของพวกเขาอยู่ในคณะกรรมการของ UN Principles for Responsible Investment (PRI)