HoonSmart.com>> ส่องผลตอบแทนกองทุนรวม 10 อันดับแรก รอบปี 65 “กองทุนเคแทม เวิลด์ เอ็นเนอร์จี ฟันด์ (KT-ENERGY) บลจ.กรุงไทย ลงทุนหุ้นบริษัทชั้นนำทั่วโลก ธุรกิจหลักสำรวจ พัฒนา ผลิต และจัดจำหน่ายพลังงาน คว้าผลตอบแทนสูงสุด 40.73% ส่วนอีก 6 กองทุนลงทุนน้ำมันรับอานิสงส์ราคาปรับตัวขึ้น , หุ้น Private Equity กลุ่มเทคโนโลยี, หุ้นไทยติดโผลงทุนบนดัชนี SET Well-being ด้านกองทุนที่ผลตอบแทนติดลบหนักสุด 68.43% ลงทุนหุ้นเทคโนโลยี
“HoonSmart” สำรวจผลตอบแทนกองทุนรวมรอบปี 2565 ข้อมูล ณ 30 ธ.ค.ที่ผ่านมา ข้อมูลจากบริษัท มอร์นิ่งสตาร์ รีเสิร์ช (ประเทศไทย) จากจำนวนกองทุนทั้งหมด 2,690 กองทุน พบ 10 อันดับกองทุนรวมที่สร้างผลตอบแทนสูงสุดส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มน้ำมัน พลังงาน ที่ได้รับผลบวกจากราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้น โดยกองทุนที่ทำผลตอบแทนได้สูงสุด ได้แก่ 1.กองทุนเปิดเคแทม เวิลด์ เอ็นเนอร์จี ฟันด์ บลจ.กรุงไทย (KTAM) ผลตอบแทนสูงสุด 40.73% โดยกองทุนเน้นลงทุนในกองทุนหลัก BGF World Energy Fund เพียงกองทุนเดียว โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน
กองทุนหลักเน้นลงทุนในหุ้นของบริษัทชั้นนำทั่วโลกซึ่งมีธุรกิจหลักในการสำรวจ พัฒนา ผลิต และจัดจำหน่ายพลังงาน นอกจากนั้น กองทุนหลักยังอาจลงทุนในบริษัทที่มุ่งเน้นการพัฒนาและใช้ประโยชน์จากพลังงานทดแทน
อันดับ 2.กองทุนเปิดเอ็มเอฟซี อินเตอร์เนชั่นแนล ออยล์ ฟันด์ (I-OIL) ผลตอบแทน 26.64% กองทุนเน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน PowerShares DB Oil Fund ซึ่งบริหารและจัดการโดย DB Commodity Services LLC เพียงกองทุนเดียว
อันดับ 3.กองทุนเปิดทิสโก้ ออยล์ ทริกเกอร์ 8% #6 (TOIL6) ผลตอบแทน 24.40% เน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของ United States Oil Fund บริหารจัดการโดย United States Commodity Funds, LLC
อันดับ 4.กองทุนเปิดทิสโก้ ยูเอส ออยล์ (TUSOIL) ผลตอบแทน 24.04% เน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของ United States Oil Fund บริหารจัดการโดย United States Commodity Funds, LLC
อันดับ 5.กองทุนเปิดเค Global Tech PE 20A ห้ามขายผู้ลงทุนรายย่อย (K-GTPE20A-UI) ผลตอบแทน 18.24% ลงทุนในกองทุนย่อย LOIM PE K Investments – K Tech Fund (กองทุนย่อย) ของกองทุนหลัก LOIM PE K Investments บริหารจัดการโดย Lombard Odier โดยที่กองทุน
ย่อยเน้นลงทุนใน Private Equity (PE) กลุ่มเทคโนโลยีหรือหมวดอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีทั่วโลก
อันดับ 6.กองทุนเปิด ทิสโก้ หุ้นไทย Well-being ชนิดผู้ลงทุนทั่วไป (TISCOWB-A) ผลตอบแทน 14.16% และอันดับ 7.กองทุนเปิด ทิสโก้ หุ้นไทย Well-being กองทุนเปิด ทิสโก้ หุ้นไทย Well-being ชนิดหน่วยลงทุนเพื่อการออม (TISCOWB-SSF) ผลตอบแทน 14.16%
ทั้งสองกองทุนเน้นลงทุนในหุ้นที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยที่เป็นส่วนประกอบของดัชนี SET Well-being (SETWB) โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน กลุ่มหลักทรัพย์ 30 หลักทรัพย์ใน 7 หมวดธุรกิจที่ประเทศไทยมีศักยภาพในการแข่งขันและเป็นธุรกิจ ที่ผู้ลงทุนต่างชาติให้ความสนใจ
ทั้งนี้ บริษัทจัดการจะเป็นผู้กำหนดสัดส่วนการลงทุนในหุ้นแต่ละบริษัทโดยขึ้นอยู่กับดุลยพินิจตามสภาวะการลงทุนหรือการคาดการณ์สภาวะการลงทุนในแต่ละขณะ ทั้งนี้ บริษัทจัดการจะมีการปรับเปลี่ยนรายชื่อหลักทรัพย์ที่ลงทุนและปรับสัดส่วนการลงทุนในหุ้นแต่ละบริษัทเป็นรายไตรมาสดัชนี
อันดับ 8.กองทุนเปิดทหารไทยออย์ฟันด์ (TMBOIL) ผลตอบแทน 13.64% โดยกองทุนจะเน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน Invesco DB Oil Fund เฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ซึ่งเป็นกองทุนรวมอีทีเอฟ ที่ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก ที่มีนโยบายลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบ West Texas Intermediate (WTI) เพื่อให้ได้ผลตอบแทนใกล้เคียงกับผลตอบแทนของดัชนี DBIQ Optimum Yield Crude Oil Index Excess Return TM ซึ่งเป็นดัชนีที่มุ่งสะท้อนการเปลี่ยนแปลงของมูลค่าน้ำมันดิบ West Texas Intermediate (WTI) กองทุนหลักบริหารจัดการโดย Invesco PowerShares Capital Management LLC
อันดับ 9.กองทุนเปิดวรรณ แอคทีฟ 6/2 ฟันด์ (ONE-ACTIVE6/2) ผลตอบแทน 13.14% ลงทุนในกองทุน ที่มีนโยบายลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล ตราสารแห่งหนี้ เงินฝากทั้งในประเทศและ/หรือต่างประเทศ และ/หรือสัญญาซื้อขายน้ำมันล่วงหน้า (OIL Futures) ในตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ซึ่งเป็นตลาดซื้อขายสัญญาน้ำมันล่วงหน้าในนิวยอร์ค ไม่น้อยกว่า 80% โดยปัจจุบันเน้นลงทุนในญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมัน (WTI Oil Futures) แบบเชิงรุก
อันดับ 10.กองทุนเปิดเคแทม ออยล์ ฟันด์ (KT-OIL) ผลตอบแทน 12.33% เน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน Invesco DB Oil Fund (กองทุนรวมหลัก) ประเภทกองทุนรวมเพื่อผู้ลงทุนทั่วไป (Retail Fund) โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน
ในขณะที่กองทุนที่ผลตอบแทนติดลบมากสุดในรอบปี 2565 ส่วนใหญ่เป็นหุ้นเทคโนโลยีที่ราคาปรับตัวลดลง ฉุดให้ผลตอบแทนกองทุนเทคโนโลยีติดลบหนักสุด 68.43%
ด้านบลจ.กรุงไทย เปิดเผยว่า กองทุนเปิดเคแทม เวิลด์ เอ็นเนอร์จี ฟันด์ (KT-ENERGY) สร้างผลตอบแทนได้ดีในปี 2565
ปัจจัยสนับสนุน
– Underinvestment ทั่วโลกลงทุนจัดหาพลังงานดั้งเดิม “น้อยไป” จนไม่พอใช้
– บริษัทในอุตสาหกรรม oil & gas นิยมนำกระแสเงินสดไปจ่ายปันผล/ซื้อหุ้นคืน สร้างผลตอบแทนแก่ผู้ถือหุ้น
– OPEC+ “ดูแล” สมดุลตลาด กำลังผลิตสำรอง (spare capacity) ก็เหลือน้อย ช่วยลดความเสี่ยงขาลง (downside risk)
– จีนเปิดประเทศหนุนดีมานด์พลังงาน
– หุ้นราคาถูก P/E ต่ำ เหมาะกับภาวะ higher for longer ดอกเบี้ยและเงินเฟ้อมีแนวโน้มสูงต่อเนื่องยาวนาน
จุดเด่นของกองทุน
– ใช้รับโอกาสและความเสี่ยง (exposure) จากแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงของราคาพลังงานโลก โดยมี “น้ำมัน” เป็นตัวหลัก
– หาผลตอบแทนจากพลวัตของ อุปสงค์-อุปทาน ปัจจุบันสนใจธุรกิจที่รักษาวินัยค่าใช้จ่ายลงทุน (capex) บริษัทน้ำมันที่สะสมกำไรเพราะได้เปรียบด้วยต้นทุนต่ำ และธุรกิจก๊าซธรรมชาติเหลว (Liquefied Natural Gas: LNG) ซึ่งกำลังเติบโตสูงเพราะถูกมองว่าเป็นสะพานเชื่อมในช่วงเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานใหม่ เป็นต้น
– กองทุนหลักได้รับการจัดอันดับ Morningstar 3 ดาว (30 พ.ย. 65)
อ่านประกอบ