NER คว้า CGR 5 ดาว 2 ปีซ้อน โบรกฯ แนะ “ซื้อ” ธุรกิจฟื้นตัว

HoonSmart.com>> “นอร์ทอีส รับเบอร์” คว้า CGR 5 ดาว ประจำปี 65 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 จากสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย ด้านโบรกเกอร์ แนะนำ “ซื้อ” จากการฟื้นตัวหลังการส่งออกยางเริ่มกลับสู่ภาวะปกติ ลูกค้าใหม่จากอินเดียเพิ่ม

ชูวิทย์ จึงธนสมบูรณ์

นายชูวิทย์ จึงธนสมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์ (NER) ผู้ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายยางแผ่นรมควัน ยางแท่ง และยางผสม เพื่อจำหน่ายไปยังผู้ผลิตในอุตสาหกรรมยานยนต์ และกลุ่มผู้ค้าคนกลาง ทั้งในและต่างประเทศ เปิดเผยว่า เปิดเผยว่า บริษัทได้รับคะแนนการประเมินการกำกับดูแลกิจการ ประจำปี 2565 (Corporate Governance Report of Thai Listed Companies 2022 : CGR) ระดับ 5 ดาว หรือ “ดีเลิศ” (Excellent CG Scoring) ประจำปี 2565 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 จากสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย (IOD) ด้วยการสนับสนุนจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

NER เป็น 1 ใน 750 บริษัทจดทะเบียนที่เข้าร่วมการประเมิน สะท้อนให้เห็นว่าบริษัทมีพัฒนาการด้านกำกับดูแลกิจการที่ดีอย่างต่อเนื่อง และยังคงมุ่งมั่นดำเนินกิจการ เพื่อพัฒนาอย่างยั่งยืนตามหลักธรรมาภิบาลต่อเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม (ESG) และเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้มีส่วนได้เสีย นักลงทุน และนักลงทุนสถาบัน ด้วยผลการดำเนินงานที่มีแนวโน้มเติบโตอย่างยั่งยืน

สำหรับ CG Rating 5 ดาวที่บริษัทได้รับ เป็นการปรับระดับจาก 3 ดาวจากปี 2563 เป็น 5 ดาวในปี 2564 ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ ภายใต้วิสัยทัศน์ “เป็นผู้ผลิตยางพารา คุณภาพดีระดับโลก ซื่อสัตย์ ยุติธรรมต่อคู่ค้า ใช้พลังงานสะอาด เป็นมิตรต่อชุมชน และสิ่งแวดล้อม พัฒนาธุรกิจไปสู่อุตสาหกรรมปลายน้ำ” และความมุ่งมั่นตั้งใจของคณะกรรมการบริษัทและคณะผู้บริหารในการพัฒนาธรรมภิบาลและยกระดับการกำกับดูแลกิจการที่ดี (Good Corporate Governance) มาอย่างต่อเนื่อง คำนึงถึงบทบาทของผู้มีส่วนได้เสีย เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย มีความมั่นใจในการดำเนินงานและเปิดเผยข้อมูลที่โปร่งใส มีจริยธรรม และตรวจสอบได้ของบริษัท

สำหรับบริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด หรือ DAOL ออกบทวิเคราะห์ว่า คงประมาณการกำไรสุทธิปี 2565/2566 อยู่ที่ 1,941 ล้านบาท (+5% YoY) และ 2,211 ล้านบาท (+14% YoY) จากสมมติฐาน 1)ปริมาณขายยางพาราอยู่ที่ 460,000 ตัน และ 500,000 ตัน 2) คงราคาขายยางเฉลี่ยอยู่ที่ 55 บาท/กก. และ 3) คงประมาณการ gross margin ปี 2565/2566 อยู่ที่ 12.6% ด้านราคาหุ้น underperform SET -7%/-9% ใน 3 และ 6 เดือน จากราคายางที่ปรับตัวลงจากความกังวล

อุปสงค์การใช้ยางที่ลดลงตามภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว อย่างไรก็ตาม valuation ปัจจุบันน่าสนใจโดยเทรดที่ ปี 2565 PER 5.2 เท่า (ต่่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปีที่ 6.3 เท่า) และมี dividend yield ถึง 7.6% โดยคาดกำไรจะกลับมาโต +14% ปี 2566 จากกาลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น , ราคายางที่ฟื้นตัว และธุรกิจแผ่นปูนอนวัว

“เราคงคำแนะนำ “ซื้อ ” และคงราคาเป้าหมายที่ 9.00 บาท อิง 2022E PER 8.0x (+0.75SD above 5-yr average PER) เราคาดกำไร 3Q22E ฟื้นตัวดีทั้ง QoQ/YoY เราคาดว่าบริษัทจะรายงานกำไรสุทธิ 3Q22E อยู่ที่ 534 ล้านบาท (+21%YoY, +53%QoQ) เติบโต YoY จากราคาขายเฉลี่ยที่ยังสูงกว่าปีก่อนที่ ขณะที่ QoQ กำไรสุทธิเติบโตจากปริมาณขายที่เพิ่มขึ้นจาก Seasonal โดยเฉพาะการส่งออกที่ปรับตัวดีขึ้น “บล.ดาโอ ระบุ

ด้านบริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) ออกบทวิเคราะห์ว่า ฝ่ายวิจัยเรายังคงคำแนะนำ “ซื้อ” โดยปรับไปใช้มูลค่าพื้นฐานปี 23 ที่ 8.9 บาท (8XPER’23E) ด้วยปัจจัยบวกจากผลประกอบการช่วง 2H22 ที่กลับมาฟื้นตัวหลังการส่งออกยางเริ่มกลับสู่ภาวะปกติ รวมถึงมีลูกค้าใหม่จากอินเดียเพิ่มเข้ามา นอกจากนี้ผู้ถือหุ้นยังมีโอกาสได้รับเงินปันผลสำหรับช่วง 2H22 อีกกว่า 0.30 บาท/หุ้น คิดเป็นอัตราตอบแทนเงินปันผลถึง 5%