HoonSmart.com>>โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ เร่งพัฒนาโรงไฟฟ้า โกลว์ เอสพีพี 2 กำลังการผลิต 114 เมกะวัตต์ ไอน้ำ 230 ตันต่อชั่วโมง หลังบอร์ดบีโอไอไฟเขียวสร้างโรงไฟฟ้าใหม่ทดแทนโรงไฟฟ้าเดิม พื้นที่นิคมฯ มาบตาพุด รองรับความต้องใช้ไฟฟ้าและสาธาณูปการขยายตัวใน EEC พร้อมป้อนไฟฟ้าเข้าระบบไตรมาสสอง ปี 2567
นายวรวัฒน์ พิทยศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (GPSC) แกนนำนวัตกรรมธุรกิจไฟฟ้ากลุ่ม ปตท. เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บอร์ดบีโอไอ) ได้อนุมัติให้การส่งเสริมการลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าและไอน้ำระบบโคเจเนอเรชั่น (Cogeneration) ที่ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิง ขนาดกำลังการผลิตไฟฟ้า 114 เมกะวัตต์ และผลิตไอน้ำ 230 ตันต่อชั่วโมง ของ บริษัท โกลว์ เอสพีพี 2 จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่มที่ GPSC ถือหุ้น 100% มูลค่าการลงทุนรวม 3,986 ล้านบาท โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการก่อสร้าง คาดว่าจะแล้วเสร็จในไตรมาส 2 ปี 2567 นับเป็นหน่วยผลิตที่จะตอบสนองความต้องการใช้ไฟฟ้าและไอน้ำที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด และการขยายการลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC)
“แผนการลงทุนในโครงการ โกลว์ เอสพีพี 2 ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าที่มีเทคโนโลยีที่ทันสมัย เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม มีการผลิตไฟฟ้าและไอน้ำป้อนผู้ประกอบการอุตสาหกรรม โดยเป็นโรงไฟฟ้าใหม่ที่เข้ามาทดแทนโรงไฟฟ้าเก่า (SPP Replacement Project) ในพื้นที่เดิม ซึ่งจะครบอายุสัญญารับซื้อไฟฟ้าจากผู้ผลิตไฟฟ้าขนาดเล็ก (Small Power Producer: SPP) กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ในเดือนมีนาคมและเมษายน 2567 ตามลำดับ โดยใช้เทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพสูง เพื่อให้เกิดความคุ้มค่าในการใช้เชื้อเพลิงสำหรับการผลิตกระแสไฟฟ้า” นายวรวัฒน์ กล่าว
สำหรับโรงไฟฟ้าใหม่แห่งนี้ ตั้งอยู่ในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด เป็นโครงการตามแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย พ.ศ. 2561-2580 ฉบับปรับปรุงครั้งที่ 1 (PDP2018 Rev.1) ในการจัดหาพลังงานไฟฟ้าของประเทศให้เพียงพอกับความต้องการ เพื่อมุ่งสร้างความมั่นคงของระบบไฟฟ้าของประเทศ ให้สามารถตอบสนองต่อความต้องการใช้ไฟฟ้าของภาคอุตสาหกรรม เพื่อรองรับการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ
ทั้งนี้ การดำเนินธุรกิจโรงไฟฟ้ายังถือเป็นหนึ่งในกลยุทธ์การเติบโตของบริษัทฯ ซึ่งการพัฒนาโรงไฟฟ้าบนพื้นที่เดิม นับเป็นการลงทุนที่มีประสิทธิภาพ ทั้งในด้านคุณภาพของกระแสไฟฟ้า ไอน้ำ ที่จัดส่งให้ลูกค้าได้อย่างสม่ำเสมอ และเป็นไปตามสัญญาการส่งมอบ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในการบริหารจัดการด้านพลังงานให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดของกลุ่ม GPSC