HoonSmart.com>>บล.กสิกรไทยมองหุ้นสัปดาห์หน้า ให้แนวรับที่ 1,625 และ 1,610 จุด แนวต้านอยู่ที่ 1,650 และ 1,665 จุด ติดตามการประชุมกนง. พิจารณาขึ้นดอกเบี้ย ประเด็นการเมืองและฟันด์โฟลว์ ด้านค่าเงินบาท ธนาคารกสิกรไทยมองกรอบเคลื่อนไหวที่ระดับ 37.00-37.80 บาท หลังแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบเกือบ 16 ปีที่ 37.57 บาทต่อดอลลาร์ฯ
บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทยมองหุ้นสัปดาห์ถัดไป (26-30 ก.ย.) ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,625 และ 1,610 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,650 และ 1,665 จุด ตามลำดับ
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ การประชุมกนง. (28 ก.ย.) ประเด็นการเมืองในประเทศรวมถึงทิศทางเงินทุนต่างชาติ
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน ยอดขายบ้านใหม่ รายได้และรายจ่ายส่วนบุคคล และดัชนี PCE/Core PCE Price Index เดือนส.ค. รวมถึงตัวเลขจีดีพีไตรมาส 2/65 ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศอื่นๆ ได้แก่ ดัชนี PMI เดือนก.ย. ของญี่ปุ่นและจีน ดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนก.ย. (เบื้องต้น) ของยูโรโซน รวมถึงกำไรบริษัทภาคอุตสาหกรรมเดือนส.ค. ของจีน
ในวันศุกร์ (23 ก.ย.) ดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,631.71 จุด เพิ่มขึ้นเพียง 0.08% จากสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 65,311.10 ล้านบาท ลดลง 12.01% ส่วนดัชนี mai เพิ่มขึ้น 0.54% มาปิดที่ 679.19 จุด
ตลาดหุ้นไทยผันผวนก่อนร่วงลงหนักปลายสัปดาห์ ทั้งนี้ SET Index เคลื่อนไหวในกรอบแคบในช่วงต้นถึงกลางสัปดาห์ ก่อนจะปรับตัวขึ้นจากความคาดหวังว่าจะมีการผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิด-19 เพิ่มเติม หลังมีการยกเลิกโรคโควิด-19 ออกจากโรคติดต่ออันตราย โดยตลาดหุ้นไทยขยับขึ้นสวนทางตลาดหุ้นต่างประเทศที่ร่วงลงรับผลการประชุมเฟดที่ปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.75% และส่งสัญญาณขึ้นต่อเนื่องในช่วงที่เหลือของปี อย่างไรก็ดี หุ้นไทยล้างช่วงบวกลงเกือบทั้งหมดและกลับมาร่วงลงในช่วงปลายสัปดาห์ นำโดย หุ้นบิ๊กแคป ตามทิศทางตลาดหุ้นในฝั่งเอเชียท่ามกลางความกังวลต่อทิศทางเศรษฐกิจโลกและสัญญาณคุมเข้มนโยบายการเงินของเฟด
ด้านค่าเงินบาท สัปดาห์ถัดไป (26-30 ก.ย.) ธนาคารกสิกรไทยมองกรอบการเคลื่อนไหวที่ระดับ 37.00-37.80 บาทต่อดอลลาร์ฯ
เงินบาททำสถิติอ่อนค่าสุดในรอบเกือบ 16 ปีครั้งใหม่ โดยเงินบาทปรับตัวในกรอบแคบ ก่อนจะพลิกกลับมาอ่อนค่าลงอีกครั้งในช่วงหลังการประชุมเฟด ซึ่งยังคงส่งสัญญาณเร่งปรับขึ้นดอกเบี้ยในช่วงที่เหลือของปี ต่อเนื่องจากการประชุมในรอบนี้ (20-21 ก.ย.) ที่ปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.75% ไปที่กรอบ 3.00-3.25% พร้อมปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์เงินเฟ้อและมุมมองต่อระดับดอกเบี้ยนโยบายใน dot plots นอกจากนี้การอ่อนค่าของเงินบาทยังสอดคล้องกับสกุลเงินเอเชีย และสถานะขายสุทธิพันธบัตรไทยของต่างชาติด้วยเช่นกัน
เงินบาทมีจังหวะที่สามารถลดช่วงอ่อนค่าลงบางส่วนในระหว่างสัปดาห์ตามการดีดกลับของค่าเงินเยน หลังจากที่ทางการญี่ปุ่นเข้าแทรกแซงตลาดด้วยการซื้อเงินเยนเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2541 อย่างไรก็ดีเงินบาทกลับไปอ่อนค่าอีกครั้งในช่วงปลายสัปดาห์ท่ามกลางความกังวลต่อทิศทางเศรษฐกิจโลก ขณะที่เงินดอลลาร์ฯ ยังมีแรงหนุนอย่างแข็งแกร่งจากการปรับขึ้นของบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ ตามแนวโน้มการคุมเข้มนโยบายการเงินของเฟด
ในวันศุกร์ที่ 23 ก.ย. 2565 เงินบาทปิดตลาดที่ระดับ 37.55 บาทต่อดอลลาร์ฯ หลังแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบเกือบ 16 ปีที่ 37.57 บาทต่อดอลลาร์ฯ เทียบกับระดับ 37.07 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (16 ก.ย.) ขณะที่ระหว่างวันที่ 19-23 ก.ย. นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทย 1,563 ล้านบาท และมีสถานะเป็น Net Outlow ออกจากตลาดพันธบัตรประมาณ 7,930 ล้านบาท (แบ่งเป็น ขายสุทธิพันธบัตร 7,925 ล้านบาท และตราสารหนี้ที่หมดอายุ 5 ล้านบาท)