“คิงส์ฟอร์ด” คาดหุ้นวันนี้ส่อร่วง 1.5-2% แนวรับ 1,635-1,640 จุด

HoonSmart.com>> บล.คิงส์ฟอร์ด ประเมินตลาดหุ้นวันนี้โอกาสลดลง -1.5 ถึง -2% ตามตลาดหุ้นทั่วโลก คาดฟันด์โฟลว์ชะลอก่อนประชุมเฟด วางแนวรับดัชนี 1,635-1,640 จุด แนวต้าน 1,660 จุด หุ้นแนะนำวันนี้ เก็งกำไร ONEE ซื้อ CPALL

บริษัทหลักทรัพย์คิงส์ฟอร์ด ประเมินดัชนี SET มีโอกาสปรับลดลง -1.5 ถึง -2 % หลังเงินทุนไหลอาจชะลอตัวก่อนการประชุมเฟด วางแนวรับดัชนีที่ 1,635 – 1,640 จุด แนวต้าน 1,660 จุด แนะนำทยอยซื้อบริเวณแนวรับ เช่น BEM, BTS, HMPRO, GLOBAL สื่อ PLANB, ONEE กลุ่มปลอดภัย GULF, GSPC

ตลาดหุ้นสหรัฐ DJIA -3.94%,S&P500 -4.32%,Nasdaq -5.16% กลุ่มเทคโนโลยี, สินค้าฟุ่มเฟือยปรับลดลงแรง หลัง ก.พาณิชย์สหรัฐเผยดัชนี CPI ส.ค. +8.3% สูงกว่าคาด +8.1% YoY และ ส.ค.+0.10% & คาด -0.10% MoM เป็นสัญญาณชี้เงินเฟ้อสหรัฐลดลงน้อยกว่าคาด ส่งผลให้เฟดมีอาจปรับขึ้นดอกเบี้ย +1.00 % ในการประชุม 21 ก.ย.

ตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 -1.55% กลุ่มเทคโนโลยี -3.2% กังวลเฟดเร่งขึ้นดอกเบี้ย, กลุ่มอสังหา -3.9% , ค้าปลีก -3.5% กังวลยอดขายลดลงจากเศรษฐกิจชะลอตัว, วิกฤตพลังงาน, เงินเฟ้อสูง โดย ZEW เผยดัชนีความเชื่อเศรษฐกิจเยอรมัน ก.ย. ชะลอตัว -61.9 & คาด -60.0 & ส.ค. -55.3

หุ้นแนะนำวันนี้ ONEE (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 11.60 บาท) บริษัทคาดแนวโน้มของผลการดำเนินงานในช่วง 3Q65 จะเห็นการเติบโตขึ้น YoY หลังจากการปรับรายการและเพิ่ม Content ใหม่ทำให้ Rating รวมของช่อง ONE31 ขยับขึ้นมาเป็นอันดับ 3 ในเดือน ส.ค.ขณะที่ช่องทางออนไลน์ยังครองความเป็น 1 ผ่านจำนวน Subscribe ทั้งใน YT และ FB รวมถึงช่องทาง App ของบริษัทที่มีการเติบโตของจำนวนสมาชิกสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยภาพรวมใน 2H65 และปี 66 จะเห็นการเติบโตขึ้นหลังผ่อนคลายมาตรการควบคุม COVID ทำให้สามารถกลับมาจัดงาน Event รวมถึง Concert

ขณะที่ธุรกิจรับจ้างผลิต Content ยังมีโอกาสเพิ่มขึ้นจากการผลิตให้ Netflix และ Amazon Prime นอกจากนี้ถ้ายังสามารถรักษา Rating ช่องได้น่าจะเห็นการปรับเพิ่มอัตราค่าโฆษณาตามมาในปีหน้า

หุ้น CPALL (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 74.00 บาท) สำหรับแนวโน้มของ ไตรมาสที่ 3/2565 เบื้องต้น เรามองว่าการดำเนินงานจะฟื้นตัวได้ดี YoY จากฐานที่ต่ำในช่วง 3Q64 และ ตามจำนวน Traffic คนเดินทางประจำวัน/ เดินทางข้ามจังหวัดที่ฟื้นตัวในภาพ YoY จากการล็อกดาวน์เป็นระยะๆในปีก่อนโดยเฉพาะ 7-11 ที่มีสาขาตามปั๊มอยู่ถึงราว 15% และบริเวณ กทม. ราว 43%

ด้านฝั่ง Makro-Lotus เราคาดว่าการฟื้นตัวดีจะมาจากรายได้ค่าเช่า และกลุ่มลูกค้า HoReCa(Hotels/Restaurants/Cafe-Catering) ที่คาดว่าจะเห็การกลับมาพร้อมกับกิจกรรมต่างๆที่กลับสู่ปกติหลัง Covid-19 ปัจจุบัน เราประมาณการกำไรสุทธิของปี 65 และ 66 อยู่ที่ 15,554 ล้านบาท (+19.78%YoY) และ 20,827 ล้านบาท (+33.90%YoY) ตามลำดับ