HoonSmart.com>> “บีจี คอนเทนเนอร์ กล๊าส” ปิดจ๊อบขายหุ้นกู้ครั้งแรก อายุ 3 ปี ดอกเบี้ยคงที่ 2.98% ต่อปี มูลค่าไม่เกิน 1,000 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันจองล้นตั้งแต่วันแรก ตอกย้ำศักยภาพผู้นำด้านบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจร ครึ่งปีหลังมุ่งสร้างความแข็งแกร่งผ่านกลยุทธ์หลักอย่างต่อเนื่อง คาดรายได้จากการขายปีนี้เติบโตกว่าเป้าหมาย
นายศิลปรัตน์ วัฒนเกษตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บีจี คอนเทนเนอร์ กล๊าส (BGC) ผู้ผลิตและจำหน่ายบรรจุภัณฑ์แก้วและแพคเกจจิ้งรายใหญ่ในไทยและภูมิภาคอาเซียน เปิดเผยว่า บริษัทฯ เสนอขายหุ้นกู้ครั้งแรก (ครั้งที่ 1/2565) แก่นักลงทุนสถาบัน เมื่อวันที่ 29-30 สิงหาคม 2565 ที่ผ่านมา ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี จากยอดจองที่เต็มเกินจำนวนจัดสรรตั้งแต่วันแรกที่เปิดจอง โดยหุ้นกู้ครั้งนี้เป็นหุ้นกู้ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกันและไม่มีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ อายุ 3 ปี ครบกำหนดไถ่ถอนปี 2568 จำนวนไม่เกิน 1 ล้านหน่วย ที่ราคาเสนอขายหน่วยละ 1,000 บาท มูลค่ารวมทั้งสิ้นไม่เกิน 1,000 ล้านบาท กำหนดอัตราดอกเบี้ยคงที่ 2.98% ต่อปี และจ่ายดอกเบี้ยทุก 6 เดือน โดยจะเสนอขายผ่านธนาคารยูโอบี จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นผู้จัดการการจำหน่ายหุ้นกู้
ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้รับการคงอันดับความน่าเชื่อที่ “A-” แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” (คงที่) เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2565 จากบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ตอกย้ำถึงศักยภาพการดำเนินธุรกิจที่เป็นผู้นำด้านบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจร (Total Packaging Solutions) โดยมีผลิตภัณฑ์หลักเป็นบรรจุภัณฑ์แก้วและแพคเกจจิ้งที่หลากหลาย ได้แก่ บรรจุภัณฑ์กระดาษ บรรจุภัณฑ์พลาสติก ฟิล์มพลาสติก ฝาพลาสติก ขวด PET และหลอดพรีฟอร์ม มีผลการดำเนินงานที่ดีและความสามารถในการทำกำไรอย่างต่อเนื่อง แสดงถึงสถานะของบริษัทฯ ที่มีกระแสเงินสดเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมถึงความสามารถในการชำระดอกเบี้ย (Interest Coverage Ratio) โดยมีอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อส่วนของผู้ถือหุ้นรวมสำหรับงวด 6 เดือน ปี 2565 อยู่ที่ 1.6 เท่า และอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (Debt to Equity Ratio) ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2565 อยู่ที่ 2.10 เท่า สะท้อนถึงความแข็งแกร่งทางการเงินที่ดี
“ถือได้ว่าเป็นความสำเร็จที่น่าประทับใจ กับการเสนอขายหุ้นกู้ครั้งแรกของ BGC ที่ได้รับการตอบรับอย่างดีจากนักลงทุนสถาบัน ซึ่งต้องการลงทุนในหุ้นกู้ของบริษัทฯ ที่มีความมั่นคง โดยเรามีวัตถุประสงค์เพื่อนำเงินไปชำระเงินกู้ภายในปี 2565 ซึ่งจะคงความแข็งแกร่งด้านฐานะการเงินของบริษัทฯ และเตรียมความพร้อมรับมือภาวะอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในช่วงขาขึ้น” นายศิลปรัตน์ กล่าว
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร BGC กล่าวว่า การดำเนินธุรกิจในช่วงที่เหลือของปีนี้ จะมุ่งสร้างความแข็งแกร่งและทำรายได้เติบโตกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน จากความต้องการใช้บรรจุภัณฑ์แก้วและแพคเกจจิ้งภายในประเทศที่เพิ่มขึ้น หลังจากผ่อนคลายมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโรค COVID-19 และเปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบ ผ่านการดำเนินกลยุทธ์หลักต่อเนื่องจากครึ่งปีแรก ได้แก่ (1) การเพิ่มประสิทธิภาพและลดการสูญเสียในกระบวนการผลิตอย่างต่อเนื่อง (2) นำเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ ๆ เข้ามาปรับใช้ในกระบวนการผลิต (3) ปรับสูตรการผลิตเพื่อควบคุมต้นทุน (4) บริหารจัดการสต๊อกสินค้าให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม และ (5) เจราจาปรับราคาสินค้าให้สอดคล้องกับต้นทุนการผลิต
ปัจจุบันบริษัทฯ แบ่งผลิตภัณฑ์เป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มบรรจุภัณฑ์แก้ว และกลุ่มแพคเกจจิ้ง โดยปี 2565 วางเป้าหมายรายได้จากการขายเติบโตกว่า 10 % จากปีก่อน ขณะที่ผลการดำเนินงานช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ มีรายได้จากการขาย 7,355 ล้านบาท เติบโต 17% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้น 325 ล้านบาท เติบโต 5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากรายได้และปริมาณการขายสินค้ากลุ่มบรรจุภัณฑ์แก้วและแพคเกจจิ้งเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มเบียร์ บรรจุภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่ม หลังจากผ่อนคลายข้อจำกัดการเดินทางและเปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบ ตลอดจนประชาชนเริ่มคลายความกังวลต่อสถานการณ์แพร่ระบาดของโรค COVID-19 นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้มุ่งเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ลดการสูญเสีย ปรับสูตรการผลิต และนำเทคโนโลยีเข้ามาปรับใช้ภายในโรงงาน เพื่อรักษาอัตรากำไร ตอกย้ำถึงการปรับกลยุทธ์อย่างรวดเร็วให้สอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจและปัจจัยต่าง ๆ
ขณะที่แผนงานระยะยาววางเป้าหมายมีรายได้เพิ่มขึ้นเป็น 25,000 ล้านบาท เติบโตเท่าตัวจากรายได้ 11,000 ล้านบาทในปี 2563 โดยจะพิจารณาโอกาสขยายการลงทุนในกลุ่มบรรจุภัณฑ์แก้วและกลุ่มแพคเกจจิ้ง เพื่อเสริมศักยภาพการเติบโตอย่างต่อเนื่อง