TU ลงทุน “มาร่า” มูลค่า 270 ลบ. ผู้ผลิตส่วนประกอบอาหารจากสาหร่ายไมโครแอลจี

HoonSmart.com>> “ไทยยูเนี่ยน” เสริมทัพธุรกิจส่วนประกอบอาหาร เดินหน้าลงทุน 10 ล้านเหรียญแคนาดาหรือประมาณ 270 ล้านบาท ใน “มาร่า รีนิวเอเบิลส์” บริษัทชั้นนำด้านการผลิตส่วนประกอบอาหารจากสาหร่ายไมโครแอลจี สร้างโอกาสพัฒนาผลิตภัณฑ์ต่างๆ ให้หลากหลาย ขยายตลาดไปทั่วโลก

บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป (TU) ประกาศลงทุน 10 ล้านเหรียญแคนาดา ในบริษัท มาร่า รีนิวเอเบิลส์ คอร์ปอเรชั่น ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในรอบการระดมทุนจำนวน 39.5 ล้านเหรียญแคนาดา ที่มาร่า จัดขึ้น โดยไทยยูเนี่ยนและบริษัทชั้นนำอื่นๆ ได้ร่วมลงทุนเพื่อเร่งการขยายธุรกิจให้กับมาร่า ผู้ผลิตส่วนประกอบอาหารจากสาหร่ายไมโครแอลจีด้วยนวัตกรรมที่โดดเด่นเฉพาะตัว จากการลงทุนครั้งนี้ ไทยยูเนี่ยนจะมีสิทธิส่งตัวแทนบริษัทหนึ่งท่านเข้าเป็นกรรมการบริษัท มาร่า

บริษัท มาร่า รีนิวเอเบิลส์ คอร์ปอเรชั่น มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่รัฐโนวา สโกเทีย ประเทศแคนาดา และเป็นหนึ่งในบริษัทผู้ผลิตผลิตภัณฑ์ชีวภาพจากสาหร่ายที่มีการเพาะเลี้ยงขึ้นอย่างยั่งยืน นับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทขึ้นในปี 2555 มาร่า ประสบความสำเร็จในการพัฒนาการเพาะเลี้ยงสาหร่ายไมโครแอลจี ที่ได้ถูกนำมาผ่านกระบวนการสกัดที่สะอาดและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม จนกลายเป็นน้ำมันสาหร่ายคุณภาพสูง

น้ำมันที่สกัดจากพืชนี้ ไม่มีการตกแต่งทางพันธุกรรม และเป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่รับประทานมังสวิรัติที่ต้องการกรดไขมันดีเอชเอ โอเมก้า 3 โดยผลิตภัณฑ์ของมาร่า ได้รับการรับรองจากหน่วยงานและองค์กรกำกับดูแลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ นอกจากนี้ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวยังถูกนำไปใช้โดยผู้ผลิตสารอาหารสำหรับเด็กทารก อาหารเสริม อาหารและเครื่องดื่มชั้นนำทั่วโลก

ไทยยูเนี่ยนมีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาส่วนประกอบอาหารอย่างยั่งยืนเช่นเดียวกับมาร่า ในปี 2561 ไทยยูเนี่ยนได้เข้าสู่ธุรกิจส่วนประกอบอาหาร เพื่อเปลี่ยนวัตถุดิบปลาที่เหลือจากกระบวนการผลิต เป็นส่วนประกอบอาหารที่ใช้ในผลิตภัณฑ์อาหารของคน โดยผลิตน้ำมันปลาทูน่าคุณภาพเยี่ยมจากวัตถุดิบหัวปลาทูน่าที่ยังไม่ผ่านความร้อน ผ่านกระบวนการสกัดด้วยอุณหภูมิต่ำ ที่จะช่วยรักษาคุณค่าของน้ำมันตามธรรมชาติเอาไว้ได้ น้ำมันปลาทูน่าจากไทยยูเนี่ยนมีกรดไขมันดีเอชเอโอเมก้า 3 สูงที่สุดเมื่อเทียบกับน้ำมันปลาที่ผลิตจากปลาชนิดอื่นๆ

ไทยยูเนี่ยนและมาร่าจะร่วมกันสร้างผลิตภัณฑ์เพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับตลาดกรดไขมันโอเมก้า 3 ทั้งที่ผลิตจากปลาทูน่าและสาหร่าย การลงทุนในครั้งนี้จะสร้างโอกาสทางธุรกิจให้กับทั้งสองบริษัท และเร่งการเติบโตผ่านความร่วมมือในการทำตลาด วิจัยและพัฒนา และการผลิต เช่น มาร่า กำลังดูความเป็นไปได้ในการกลั่นน้ำมันจากสาหร่ายที่โรงกลั่นของไทยยูเนี่ยนในเมืองรอสต็อค ทางตอนเหนือของประเทศเยอรมัน นอกจากนี้ ไทยยูเนี่ยนยังได้ร่วมงานกับมาร่าในการวิจัยและพัฒนาที่ศูนย์วิจัยและพัฒนาน้ำมันโอเมก้า 3 ของไทยยูเนี่ยนที่จังหวัดสมุทรสาคร โดยได้ทดลองใช้น้ำมันสาหร่ายของมาร่า ทั้งนี้เพื่อตอบโจทย์ความต้องการผลิตภัณฑ์ที่อุดมไปด้วยโอเมก้า 3 ที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

นายธีรพงศ์ จันศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป (TU) กล่าวว่า ในฐานะผู้นำอุตสาหกรรมอาหาร ทั้งในด้านนวัตกรรมและความยั่งยืน ไทยยูเนี่ยนมุ่งมั่นพัฒนาธุรกิจส่วนประกอบอาหารที่จะเพิ่มมูลค่าให้กับวัตถุดิบของเราให้กลายเป็นผลิตภัณฑ์ส่วนประกอบอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการ เช่น น้ำมันปลาทูน่าที่มีดีเอชเอในปริมาณที่สูง การร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับมาร่า ในครั้งนี้จะช่วยสร้างโอกาสในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของเราให้หลากหลายยิ่งขึ้น รวมถึงขยายตลาดไปทั่วโลก เพื่อผลิตส่วนประกอบอาหาร กรดไขมันโอเมก้า 3 ที่มีคุณค่าทางโภชนาการและถูกผลิตอย่างยั่งยืนให้กับผู้บริโภคทั่วโลก

นายอาร์ทูโร อาเนีย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มาร่า กล่าวว่า“มาร่า ยินดีและตื่นเต้นที่จะได้ร่วมงานกับไทยยูเนี่ยน ทั้งมาร่าและไทยยูเนี่ยนดำเนินธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับท้องทะเล ให้ความสำคัญกับโภชนาการตามหลักวิทยาศาสตร์ และมีวิสัยทัศน์ในการสร้างระบบอาหารที่ยั่งยืนขึ้น ไทยยูเนี่ยน ในฐานะผู้นำธุรกิจอาหารสำหรับคนและสัตว์เลี้ยงระดับโลกที่พร้อมร่วมมือกับทุกภาคส่วนนั้น สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของมาร่าในการสร้างสรรค์สิ่งที่ดี ผ่านผลิตภัณฑ์และทีมงานที่