โพลต่างชาติ เชื่อมั่นแนวโน้มหุ้นไทยดิ่ง นักลงทุนเทคะแนนเชียร์แบงก์

HoonSmart.com>>สภาธุรกิจตลาดทุนไทย เผยผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนเดือน ม.ค.2565  แนวโน้มใน 3 เดือนข้างหน้าอยู่ที่ระดับ 93.91 ลดลง 27.5% จากเดือนก่อน เจอแรงฉุดต่างชาติปรับลด 64.3% อยู่ที่ระดับ 50.00  ซึ่งเป็นกลุ่มที่ลงทุนหลากหลายทั้งระยะสั้นและยาว  คาด ตลาดโดยรวมยังไปต่อได้  มองข้ามเฟดขึ้นดอกเบี้ย หมวดธนาคารพาณิชย์น่าสนใจมากที่สุด ประกันฯ ถูกเมิน  บางกลุ่มไม่ชอบอิเล็กทรอกนิกส์-เหล็ก

นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index) ผลสำรวจในเดือน ม.ค.2565 พบว่าดัชนีในอีก 3 เดือนข้างหน้าอยู่ที่ระดับ 93.91 ลดลง 27.5% จากเดือนก่อนหน้ามาอยู่ในเกณฑ์ ทรงตัว

ทั้งนี้ความเชื่อมั่นนักลงทุนบุคคลปรับลด 4.6% อยู่ที่ระดับ 121.74 กลุ่มบัญชีบริษัทหลักทรัพย์เพิ่มขึ้น 8.3% อยู่ที่ 108.33 สถาบันในประเทศปรับเพิ่ม 2.9% อยู่ที่ระดับ 125.00 และนักลงทุนต่างชาติปรับลด 64.3% มาอยู่ที่ระดับ 50.00 ซึ่งนักลงทุนต่างชาติมีหลายประเภททั้งการลงทุนระยะสั้นและยาว หมวดธุรกิจที่น่าสนใจมากที่สุด คือธนาคาร  – หมวดธุรกิจที่ไม่น่าสนใจมากที่สุด คือ หมวดประกันภัยและประกันชีวิต  บางกลุ่มไม่ชอบอิเล็กทรอนิกส์ และเหล็ก

แนวโน้มตลาดหุ้นไปต่อได้ จากปัจจัยบวกของกำไรบจ. การฟื้นตัวของเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว สถานการณ์โควิดเริ่มกังวลน้อยลง ตลาดรับรู้ความไม่แน่นอนเรื่องการขึ้นดอกเบี้ยของเฟด คาดว่าปีนี้จะปรับขึ้น 5 ครั้ง แรงกว่าเดิมที่คาดไว้ 3 ครั้ง และถอนคิวเดือนส.ค.นี้ถือว่าเร็วเกินไป คาดเดือนละ 1 แสนล้านเหรียญ รวมทั้งปีดึงเงินออก 1.2 ล้านล้านเหรียญ เทียบกับอัดฉีดเข้ามา 4.5 ล้านล้านเหรียญ คงใช้เวลา 3 ปีกว่าจะหมด ทำให้สภาพคล่องยังสูงอยู่มาก ส่วนปี 2566 ตลาดคาดเฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 3-4 ครั้ง ไปอยู่ที่ 2% ก็ยังไม่สูงเกินไป ปัจจุบันอัตราผลตอบแทนพันธบัตร ( บอนด์ ยีลด์) 10 ปี ขึ้นไปถึง 1.9% กลับไม่ส่งผลกระทบต่อหุ้นแต่อย่างใด หลังจากตลาดมองไว้ที่ 2%

” ผมยังมีมุมมองไม่เปลี่ยน ตลาดหุ้นไทยจะเป็นหลุมหลบภัย ยังอยู่ในช่วงขาขึ้น เพราะเศรษฐกิจไทยจะดีกว่าหลายประเทศ คาดในปีนี้โต 4%  เม็ดเงินเข้ามาตั้งแต่ปลายปีต่อเนื่องถึงเดือนม.ค. และเม็ดเงินเริ่มสนใจอาเซียนมากขึ้น ทั้งสิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย ไทย และเวียดนาม แต่มาเลเซียยังไม่มาก  เงินไหลเข้ามาไทยแล้ว 4 หมื่นล้านบาท”นายไพบูลย์กล่าว

กลยุทธ์การลงทุน การถอนคิวอีเร็วกว่าคาด สภาพคล่องที่ลดลง แต่ยังมีมากอยู่ ทำให้หุ้นเทคโนโลยี และหุ้นเติบโตสูง ตกลงมาก ซึ่งตลาดหุ้นไทยไม่มี จึงไม่มีแรงขาย กลับมาซื้อหุ้นแบงก์ พลังงาน ตลาดเทรดที่มูลค่า P/E 16 เท่า ยังไม่แพง ใกล้เคียงเฉลี่ย 10 ปี  ตลาดอาเซียนเทรด 16-17 เท่า เงินเฟ้อไทยอยู่ที่ 3% ก็น่าจะลดลงได้ นโยบายการคลังยังทำต่อเนื่อง ช่วยให้เศรษฐกิจฟื้นตัวแรงและเร็วกว่าธรรมชาติ แต่การเมืองยังเป็นความเสี่ยง นักลงทุนคุ้นเคยมีทุกยุคสมัย

ด้านตลาดหุ้นเดือนม.ค.2565 นายไพบูลย์ กล่าวว่า ดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบแคบอยู่ระหว่าง 1,634.17-1,680.02 จุดปิดที่ 1,648.81 จุด ลดลง 0.5% จากสิ้นปี 2564 เคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นทั่วโลกหลังผลการประชุมเฟดสร้างความกังวลต่อนักลงทุน รวมถึงปัญหาการขาดแคลนพลังงานในยุโรปซึ่งอาจส่งผลกระทบให้เงินเฟ้อในยูโรโซนสูงขึ้น แต่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) มีแผนการใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายเช่นเดียวกับธนาคารกลางจีน นอกจากนี้ ยังมีประเด็นความขัดแย้งในหลายประเทศที่ต้องจับตามอง เช่น รัสเซีย-ยูเครน สถานการณ์ในตะวันออกกลาง เป็นต้น