KBANK-BBL-TISCO ขึ้นนำกลุ่มแบงก์สวนทาง SET ร่วงกว่า 10 จุด

HoonSmart.com>> KBANK-BBL-TISCO ขึ้นนำกลุ่มแบงก์ สวนทาง SET ที่ร่วงกว่า 10 จุด โบรกฯเชียร์”เพิ่มน้ำหนักลงทุน”หุ้นในกลุ่มแบงก์ ได้ประโยชน์จากเศรษฐกิจฟื้น-ดอกเบี้ยขาขึ้น จัด KBANK และ TISCO เป็น Top Picks โดย KBANK พื้นฐานแกร่ง เป็นผู้นำในธุรกิจดิจิตอลแบงค์กิ้งของไทย-กำไรโตดี, TISCO ฐานเงินลงทุน – ROE สูงมาก-จ่ายปันผลสูง ส่วน BBL กำไรสุทธิปี 64 โตแกร่งสุดในกลุ่ม

เมื่อเวลา 11.06 น.ดัชนีกลุ่มแบงก์อยู่ที่ 417.07 จุด เพิ่มขึ้น 0.17 จุด หรือ +0.04% แกร่งกว่าดัชนี SET ที่ร่วง 11.63 จุด หรือ -0.7% มาอยู่ที่ 1,628.91 จุด โดย 3 หุ้นในกลุ่มแบงก์ขึ้นนำตลาด คือ หุ้น KBANK อยู่ที่ 142.50 บาท เพิ่มขึ้น 2.50 บาท หรือ +1.79% มูลค่าซื้อขาย 2,799.77 ล้านบาท
หุ้น BBL อยู่ที่ 130.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท หรือ +0.39% มูลค่าซื้อขาย 1,511.92 ล้านบาท
หุ้น TISCO อยู่ที่ 98.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.75 บาท หรือ +0.77% มูลค่าซื้อขาย 247.39 ล้านบาท

บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) แนะนำให้เพิ่มน้ำหนักลงทุนหุ้นในกลุ่มแบงก์ โดยมี KBANK และ TISCO เป็นหุ้น Top Picks คาดว่ากลุ่มธนาคารพาณิชย์จะได้ประโยชน์จากเศรษฐกิจฟื้นตัวและอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น ซึ่งทำให้ NIM จะดีขึ้นในระยะสั้น รวมถึงมี Valution จูงใจ โดยดัชนีกลุ่มธนาคารยังมี P/BV ต่ำกว่า 1 เท่า สำหรับ KBANK ชอบที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง เป็นผู้นำในธุรกิจดิจิตอลแบงค์กิ้งของไทย และกำไรเติบโตได้ดี ส่วน TISCO มีฐานเงินลงทุนและ ROE สูงมาก รวมทั้งจ่ายปันผลสูงมาก (จ่ายปีละ 1 ครั้ง)

ทั้งนี้ 7 ธนาคารที่ทำการวิเคราะห์มีกำไรสุทธิงวดไตรมาส 4/64 เติบโต +27%YoY, +2%QoQ เป็น 35.7 พันล้านบาท และทั้งปี 2564 มีกำไรสุทธิเติบโต +30%YoY เป็น 145.3 พันล้านบาท ปัจจัยหนุนสำคัญ คือ การตั้งสำรองฯ ลดลง -10%YoY โดย BBL มีกำไรสุทธิปี 2564 โตแกร่งที่สุดในกลุ่มที่ +54%YoY เพราะรายได้ Fee สูงขึ้น และมีกำไรจากเงินลงทุนช่วยหนุน

ทุกธนาคารมีกำไรจากการดำเนินงานก่อนสำรองฯ (PPOP) เพิ่มขึ้นในปี 2564 มาจาก 1) รายได้ NII สูงขึ้น เพราะสินเชื่อเติบโตได้ +6%YoY แม้ว่า NIM จะอ่อนลงเพราะ Yield ลดลงจากการปรับโครงสร้างหนี้ให้ลูกค้า, 2) รายได้ Non-NII ดีขึ้น ทั้งจากรายได้ Fee เติบโต และอีกส่วนหนึ่งมาจากการตีมูลค่ายุติธรรมตราสารการเงิน, 3) C/I ratio ลดลง เพราะธนาคารพยายามควบคุมค่าใช้จ่าย และมี Economy of scale และ 4) ตั้งสำรองฯต่ำกว่าที่คาดไว้ (แต่ยังอยู่ในระดับสูงในปี 2564)