“กรุงศรี” คาดเงินบาทสัปดาห์นี้กรอบ 32.75-33.35 ลุ้นประชุมเฟด

HoonSmart.com>> “ธนาคารกรุงศรี” คาดเงินบาทสัปดาห์นี้ซื้อขายในกรอบ 32.75-33.35 บาท/เหรียญสหรัฐฯ ลุ้นประชุมเฟดส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยเดือนมี.ค.นี้ ยุติ QE และเริ่มลดขนาดงบดุลตามคาดการณ์

กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) มีมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ว่า เงินบาทสัปดาห์นี้มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 32.75-33.35 บาท/ดอลลาร์ เทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาทปิดแข็งค่าที่ 32.97 บาท/ดอลลาร์ หลังซื้อขายในกรอบ 32.82-33.35 บาท/ดอลลาร์ ท่ามกลางความหวังเรื่องการผ่อนปรนมาตรการเปิดรับนักท่องเที่ยว เงินดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินสำคัญส่วนใหญ่ยกเว้นเยนและฟรังก์สวิสในสัปดาห์ที่ผ่านมา

ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะสั้นของสหรัฐฯ พุ่งขึ้นและนักลงทุนปิดรับความเสี่ยง โดยประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐฯ กล่าวว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ควรดูแลปัญหาเงินเฟ้อขณะที่เศรษฐกิจฟื้นตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง ทางด้านเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเฟดส่งสัญญาณว่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ยหลายครั้งในปีนี้ โดยอาจจะเริ่มในเดือนมี.ค. และจะเริ่มปรับลดขนาดงบดุลลงจากระดับเกือบ 9 ล้านล้านดอลลาร์หลังจากปรับขึ้นดอกเบี้ย

อย่างไรก็ดี แม้นักลงทุนหลีกเลี่ยงสินทรัพย์เสี่ยงแต่ราคาน้ำมันดิบสหรัฐฯส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 7 ปีในช่วงระหว่างสัปดาห์ ท่ามกลางความวิตกด้านอุปทานหลังกลุ่มฮูตีในเยเมนโจมตีสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ รวมถึงเพลิงไหม้ท่อส่งน้ำมันคีร์คูก-ซีย์ฮัน ที่ส่งน้ำมันจากอิรักไปตุรกี นอกจากนี้ ตลาดกังวลกับการที่รัสเซียส่งกองกำลังจำนวนมากไปยังบริเวณใกล้พรมแดนยูเครนเช่นกัน ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นไทย 4,443 ล้านบาท แต่ซื้อพันธบัตร 23,284 ล้านบาท

กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ กรุงศรี มองว่า จุดสนใจหลักของตลาดจะอยู่ที่การประชุมเฟดวันที่ 25-26 ม.ค. ซึ่งคาดว่าจะออกมาสอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักลงทุน คือส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยเดือนมี.ค. และขึ้นรวมทั้งสิ้นราว 100bps ในปีนี้ ยุติมาตรการซื้อสินทรัพย์ (QE) ในไตรมาสปัจจุบัน และเริ่มลดขนาดงบดุล (QT) ภายในปีนี้ กรุงศรีมองว่าการปรับตัวในตลาดพันธบัตรสะท้อนแนวโน้มดังกล่าวของนโยบายเฟดไปแล้ว ดังนั้นการที่ค่าเงินดอลลาร์จะวิ่งขึ้นต่อหลังการประชุมรอบนี้อาจต้องการแรงหนุนจากความผันผวนของตลาดหุ้นเป็นสำคัญ

สำหรับปัจจัยในประเทศ กระทรวงพาณิชย์รายงานยอดส่งออกเดือนธันวาคมเพิ่มขึ้น 24.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน มูลค่าการนำเข้าเติบโต 33.4% โดยในปี 2564 การส่งออกขยายตัว 17.1% นับเป็นอัตราสูงสุดในรอบ 11 ปี ขณะที่การนำเข้าเพิ่มขึ้น 29.8% ส่งผลให้ไทยเกินดุลการค้า 3.57 พันล้านดอลลาร์ กรุงศรีประเมินว่าฐานเปรียบเทียบที่สูงและการถอนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศคู่ค้าบางแห่งจะทำให้อัตราการเติบโตของยอดส่งออกและนำเข้าในปีนี้แผ่วลงบ้าง อย่างไรก็ตาม โมเมนตัมของธุรกรรมการค้าโลกยังอยู่ในทิศทางค่อนข้างดี โดยวิจัยกรุงศรีคาดว่ายอดส่งออกและนำเข้าในปี 2565 จะขยายตัวได้ 5% และ 6% ตามลำดับ