HoonSmart.com>> “สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น” มาตามนัด! ได้รับคัดเลือกเข้าคำนวณดัชนี SET100 รอบใหม่ในครึ่งแรกปี 65 สะท้อนสภาพคล่องสูง ตอกย้ำความเชื่อมั่นนักลงทุนรายย่อย-สถาบัน-กองทุน ให้การตอบรับ พร้อมเพิ่มสัดส่วนถือหุ้น ฟาก CEO “ประกรณ์ เมฆจำเริญ” มั่นใจผลงานปี 64 โตทะลุเป้า 20% รับผลดีธุรกิจในเวียดนามโตทะลัก งานโครงการภาครัฐและเอกชนฉลุย คุมต้นทุนวัตถุดิบมีประสิทธิภาพ หนุนผลงานสร้างสถิติใหม่ต่อเนื่อง
นายประกรณ์ เมฆจำเริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น (STARK) เปิดเผยว่า การที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ได้ประกาศให้หุ้น STARK เข้าไปคำนวณอยู่ในกลุ่มดัชนี SET100 รอบครึ่งปีแรกของปี 2565 (1 ม.ค.-30 มิ.ย.2565) แสดงให้เห็นว่าหุ้นของบริษัทฯ ในช่วงที่ผ่านมาได้รับความสนใจจากนักลงทุนรายย่อย สถาบันทั้งในและต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยมีการซื้อขายที่สม่ำเสมอ และสามารถใช้เป็นตัวอ้างอิงในการลงทุนได้ ซึ่งสอดคล้องกับปัจจัยพื้นฐานของบริษัทฯ ที่มีแนวโน้มการเติบโตอย่างมั่งคงและชัดเจนไปกับปริมาณการใช้ทรัพยากรไฟฟ้าทั่วโลกที่มีอัตราเพิ่มขึ้นตามหลักการพัฒนาเมือง และการปรับเปลี่ยนเทคโนโลยีสมัยใหม่ต่างๆ
ทั้งนี้ เกณฑ์การคัดเลือกหุ้นใน SET100 จะคัดจากหุ้นที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ไม่น้อยกว่า 6 เดือน และมีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดเฉลี่ยต่อวันย้อนหลัง 3 เดือนสูงสุด 200 อันดับแรก และมีสัดส่วนผู้ถือหุ้นรายย่อย (Free-float) ไม่น้อยกว่า 20% รวมถึงยังต้องเป็นหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าซื้อขายไม่น้อยกว่า 50% ของมูลค่าซื้อขายเฉลี่ยต่อหลักทรัพย์ประเภทหุ้นสามัญทั้งตลาดในเดือนเดียวกันเป็นเวลาไม่ต่ำกว่า 9 ใน 12 เดือน โดยหากผ่านคุณสมบัติ จึงได้รับการจัดลำดับตามมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดเฉลี่ย โดยหลักทรัพย์ในลำดับที่ 1-50 จะเป็นหลักทรัพย์ที่เป็นองค์ประกอบของดัชนี SET50 และหลักทรัพย์ในลำดับที่ 1-100 จะเป็นหลักทรัพย์ที่เป็นองค์ประกอบของดัชนี SET100
“การที่หุ้น STARK ได้เข้าไปอยู่ในกลุ่มดัชนี SET100 ครั้งนี้ จะช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับผู้ลงทุน และคาดว่าจะทำให้ STARK เป็นที่รู้จักของกลุ่มนักลงทุนในระดับสากลมากยิ่งขึ้น รวมทั้งยังชี้ให้เห็นว่าเป็นหุ้นที่มีสภาพคล่องสูง พร้อมทั้งเป็นการเปิดโอกาสให้นักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศเข้าถึงข้อมูลบริษัทฯ เพื่อนำมาประกอบการตัดสินใจก่อนเข้ามาลงทุนมากยิ่งขึ้น ขณะเดียวกันจะช่วยสนับสนุนโอกาสการขยายธุรกิจในอนาคตอีกด้วย”นายประกรณ์ กล่าว
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวอีกว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานของปี 2564 บริษัทฯ มั่นใจว่าจะสามารถสร้างการเติบโตของรายได้มากกว่าเป้าหมายวางไว้ที่ 20% และจะทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่องจากปีก่อน เนื่องจากมีแนวโน้มการรับรู้ยอดขายที่ปรับตัวสูงขึ้นจากผลประกอบการของธุรกิจที่ประเทศเวียดนาม ที่มีอัตราการเติบโตที่ดีทั้งในส่วนรายได้และกำไร ประกอบกับงานจากโครงการภาครัฐและเอกชนที่ดำเนินการก่อสร้างอย่างต่อเนื่องตามแผนงานและกำหนดการที่วางไว้ จากกลยุทธ์การมุ่งเน้นสินค้าสำเร็จรูปของกลุ่ม High Margin เป็นหลัก
ส่วนแผนการดำเนินธุรกิจในปี 2565 บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายเติบโตต่อเนื่องจากปี 2564 โดยเริ่มด้วยกลยุทธ์การขยายตลาดส่งออกเพิ่มเติมอยู่ที่ 50 ประเทศ จากเดิมที่ส่งออกอยู่ 42 ประเทศ เนื่องจากมี partner ที่เป็นระดับ global company ที่ได้รับงานในประเทศต่างๆ นั้น จึงส่งผลทำให้สามารถส่งสินค้าไปหลากหลายประเทศได้เพิ่มขึ้นด้วย พร้อมทั้งยังคงมุ่งเน้นที่สินค้า High-Margin และมีแผนเข้าร่วมประมูลงานใหม่จำนวนมาก
ขณะที่ปัจจุบันมีงานในมือที่รอรับรู้รายได้ (Backlog) อยู่ที่ไม่น้อยกว่า 10,000 ล้านบาท เป็นงานทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งจะทยอยรับรู้ต่อเนื่อง จึงเชื่อมั่นว่าด้วยเหตุดังกล่าวจะเป็นปัจจัยหนึ่งที่สนับสนุนผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ให้เติบโตได้อย่างแข็งแกร่งต่อไป