WFX เป้าหมายมีไว้พุ่งชน มุ่งสู่เบอร์หนึ่งในตลาดโลก

HoonSmart.com>>หุ้นไอพีโอน้องใหม่ป้ายแดง บริษัท เวิลด์เฟล็กซ์  (WFX) ผู้ผลิตและจำหน่ายเส้นด้ายยางยืดรายใหญ่ระดับโลก เตรียมพร้อมลงสนามเทรดตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) เร็วๆนี้ มีแผนการระดมทุนเพื่อขยายกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นอีก 12,400 ตันต่อปี ภายใน 1-2 ปีข้างหน้า (2565-2566) จากปัจจุบันกำลังการผลิตอยู่ที่ 35,000 ตันต่อปี รองรับความต้องการของลูกค้าเดิม และลูกค้าใหม่ พร้อมก้าวสู่เบอร์หนึ่งในตลาดโลก

WFX ถือเป็นหนึ่งในผู้ผลิตและจำหน่ายเส้นด้ายยางยืดรายใหญ่ในโลก มีผลิตภัณฑ์เส้นด้ายยางยืดครอบคลุมในทุกกลุ่มอุตสาหกรรมเพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของกลุ่มลูกค้า โดยสินค้าของบริษัทจัดจำหน่ายทั้งในประเทศและต่างประเทศภายใต้แบรนด์ของบริษัทฯเอง โดยกลุ่มลูกค้าหลักคือประเทศจีนคิดเป็นประมาณ 75% ของรายได้รวม

ขณะที่ผลการดำเนินงานของ WFX อยู่ในช่วงของ “การเติบโตรอบใหม่” จากการใช้กลยุทธ์เชิงรุก (Growth Strategy) ในการเจาะกลุ่มลูกค้าใหม่ รวมถึงการชิงส่วนแบ่งตลาด (มาร์เก็ตแชร์) จากคู่แข่ง จากความได้เปรียบในด้านต้นทุนยางพาราธรรมชาติที่ถูกกว่า เนื่องจากประเทศไทยเป็นผู้ผลิตและส่งออกน้ำยางธรรมชาติรายใหญ่ที่สุดในโลก

ทั้งนี้ หลังจากได้เงินจากการเพิ่มทุนบริษัทฯมีแผนจะนำไปขยายกำลังการผลิต รองรับคำสั่งซื้อล่วงหน้าของบริษัทฯ ที่มีมาอย่างต่อเนื่องเป็นจำนวนมากอีกทั้งการเพิ่มกำลังการผลิตจะช่วยให้อัตรากำไรหรือ Net margin ของบริษัทปรับตัวดีขึ้นจาก Economies of Scale รวมถึงความสามารถในการแข่งขันที่สูงขึ้น

9 เดือนแรกกำไรพุ่ง 218% รายได้โต 51%

ภาพรวมผลการดำเนินงานของ WFX ในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา เติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยมีรายได้รวม 2,590 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 874 ล้านบาท หรือ 51% เทียบงวดเดียวกันของปีก่อนมีรายได้รวม 1,715 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 188 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 129 ล้านบาท หรือ 218% เทียบงวดเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 59 ล้านบาท สร้างสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์

คาดกำไรปี 64-65 ทุบสถิติ

บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบีเอสที  ประเมินแนวโน้มผลการดำเนินงานของ WFX ในปี 2564 คาดว่ากำไรสุทธิจะเพิ่มขึ้นกว่า 382% เทียบกับปีก่อน อยู่ที่ 279 ล้านบาท และในปี 2565 เพิ่มขึ้น +14%  อยู่ที่ 318 ล้านบาท จากสมมติฐาน 1 อัตรากำไรขั้นต้นปี 2564//2565 อยู่ที่ 15% และ 14.5% ตามลำดับเพิ่มขึ้นจาก 7.4% ของปี 2563 จาก Economies of Scale

2) รายได้ปี 2564/2565 อยู่ที่ 3,595 ล้านบาท (+50% ) และ 4,120 ล้านบาท (+15% ) จากการเพิ่มกำลังการผลิต และได้ลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้น 3) SG&A/Sales ปี 2565 ลดลงเหลือ 4.5% จาก 4.9% ของปี 2564 จากรายได้ที่มากขึ้น 4ภาษีจ่าายปี 2565 ลดเหลือ 16.5% จาก 18% ของปี2564 จาก BOI

เคาะเป้า 12.40 บาท/หุ้น

ทั้งนี้ บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบีเอสที  ประเมินมูลค่าหุ้น WFX ที่ 12.40 บาท/หุ้น ด้วยวิธี 2565E PER ที่ 18 เท่า เท่ากับค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรม Fashion โดยคาดว่าปี 2564/2565 มีกำไรสุทธิเติบโต +382%/+14% ตามลำดับ โดยผลการดำเนินงานของบริษัทฯจะเติบโตได้โดดเด่นจากธุรกิจแผนขยายกำลังการผลิตต่อเนื่อง โดยใช้ความได้เปรียบด้านต้นทุนบริษัทฯจึงใช้กลยุทธ์เชิงรุกเข้าไปเจาะกลุ่มตลาดใหม่มากขึ้น

จ่อแท่นผู้นำในตลาดโลก

นายชวลิต ติยาเดชาชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เวิลด์เฟล็กซ์ กล่าวว่า มั่นใจว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วง 1-3 ปี ข้างหน้า ของ WFX จะเติบโตอย่างแข็งแกร่ง จากการเพิ่มกำลังการผลิตตามแผน โดยเฟสแรกจะเริ่มในกลางปี 2565 จำนวน 6,200 ตัน/ปี และในเดือนมกราคม 2566 จะเพิ่มกำลังการผลิตอีก 6,200 ตัน เพื่อรองรับออเดอร์ลูกค้าในต่างประเทศ

“แผนการระดมทุนผ่านการขายหุ้นไอพีโอในครั้งนี้ของ WFX เงินส่วนใหญ่ใช้ในการสร้างโรงงานใหม่และลงทุนเครื่องจักร ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน และคืนหนี้สถาบันการเงินบางส่วน เพื่อลดต้นทุนดอกเบี้ย ทำให้เห็นโอกาสการเติบโตของฐานรายได้ และเพิ่มขีดความสามารถสำหรับการเพิ่มมาร์เก็ตแชร์ในอนาคต พร้อมก้าวสู่ความเป็นกลุ่มผู้นำในตลาดโลกตามแผนงานที่วางไว้”

ขณะที่สัดส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) ของปัจจุบันอยู่ที่ 1.26 เท่า ซึ่งภายหลังเข้าระดมทุนและจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (SET) บริษัทฯมีแผนนำเงินบางส่วนไปใช้คืนหนี้สถาบันการเงิน ทำให้ D/E อยู่ในระดับต่ำกว่า 1 เท่า

ปูพรมขยายตลาดส่งออกใหม่

นายณัฐ วงศาสุทธิกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เวิลด์เฟล็กซ์  (WFX) กล่าวว่า สาเหตุสำคัญที่ทำให้ผลการดำเนินงานของ WFX เติบโตอย่างก้าวกระโดด เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมา บริษัทฯได้มีการใช้กลยุทธ์เชิงรุก (Growth Strategy) ในการเจาะกลุ่มลูกค้าใหม่ ทั้งในเอเชียใต้ บังคลาเทศ ปากีสถาน เยอรมนี อิตาลี รัสเซีย บราซิล อาเจนตินา และชิลี รวมถึงชิงส่วนแบ่งการตลาดจากคู่แข่ง จากความได้เปรียบในด้านต้นทุนยางพาราธรรมชาติที่ถูกกว่าคู่แข่ง

ไม่ธรรมดาเลยทีเดียวสำหรับหุ้นน้องใหม่ไอพีโอ ยักษ์ใหญ่ผลิตเส้นด้ายยางยืดระดับโลก ที่เตรียมเข้าเทรด SET ในวันที่ 23 ธ.ค. 2564 เตรียมพร้อมก้าวขึ้นสู่เบอร์หนึ่งในระดับโลก โดยฝีมือของคนไทย ที่เป้าหมายมีไว้พุ่งชน!