HoonSmart.com>> “อาร์ ซี แอล” โชว์กำไรไตรมาส 3/64 แตะ 3.73 พันล้านบาท ทะยาน 1,352% จากงวดปีก่อนอยู่ที่ 257 ล้านบาท สร้างสถิติสูงสุด รับค่าระวางเรือพุ่ง บริหารค่าใช้จ่ายได้ดี หนุน 9 เดือน กวาดกำไร 9.86 พันล้านบาท พุ่ง 1,936% เคาะจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล ครั้งที่ 2 อัตรา 1.50 บาท/หุ้น XD 18 พ.ย.นี้ ลุยเพิ่มทุนบริษัทย่อย ซื้อเรือเพิ่มรองรับการเติบโต
บริษัท อาร์ ซี แอล (RCL) เปิดเผยผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2564 สิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย.2564 กำไรสุทธิ 3,731.15 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 4.502 บาท เติบโต 1,352% จากงวดเดียวกันของปีก่อนกำไรสุทธิ 257.02 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.31 บาท
ส่วนงวด 9 เดือน ปี 2564 กำไรสุทธิ 9,861.82 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 11.90 บาท เติบโต 1,936% จากงวดเดียวกันของปีก่อนกำไรสุทธิ 484.36 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.584 บาท
บริษัทฯ เปิดเผยว่ากำไรสุทธิในไตรมาส 3/2564 ถือว่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เป็นผลมาจากรายได้ค่าระวางเรือเพิ่มขึ้นมูลค่ามากกว่า 16,000 บาทต่อตู้ สูงกว่าค่าระวางในไตรมาส 2/2564 ถึง 13% และสูงกว่าไตรมาส 3/2563 ถึง 132% โดยปริมาณการขนส่งตู้สินค้าในไตรมาส 3/2564 เพิ่มขึ้น 4% เมื่อเทียบไตรมาสก่อนหน้า
ด้านต้นทุนการเดินเรือเพิ่มขึ้นจากความต้องการเช่าเรือสูงขึ้น ความแออัดของท่าเรือและการเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันเชื้อเพลิงส่งผลให้ค่าใช้จ่ายโดยรวมเพิ่มขึ้น 20% เมื่อเทียบไตรมาสก่อนหน้าและเพิ่ม 42% จากงวดเดียวกันของปีก่อน แต่จากการวางแผนที่เหมาะสมทำให้บริษัทฯ ควบคุมค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นได้
“การเติบโตของรายได้มากกว่าต้นทุนในการบริหารที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากบริษัทฯ สามารถตอบสนองความต้องการของผู้ใช้บริการเป็นพิเศษในบางเส้นทางที่บริษัทให้บริการอยู่ได้มากขึ้น ซึ่งโอกาสเหล่านี้มีเพิ่มขึ้นในไตรมาส 3/2564 และยังส่งสัญญาณดีต่อเนื่องในไตรมาสถัดไป อีกทั้งการนำเรือสินค้าขนาด 6,000 ทีอียูที่บริษัทได้จัดซื้อและรับมอบมาเพิ่มในไตรมาส 3/2564 ทำใหบริษัทสามารถให้บริการลูกค้าได้อย่างเต็มที่ขึ้นในไตรมาส 4 นี้”
ด้านคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติเมื่อวันที่ 5 พ.ย. 2564 อนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล ครั้งที่ 2 จากผลการดำเนินงานวันที่ 1 ม.ค.-30 ก.ย.2564 ในอัตราหุ้นละ 1.50 บาท กำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับปันผล (Record date) วันที่ 19 พ.ย. 2564 วันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) 18 พ.ย. 2564
นอกจากนี้บริษัท ริจิแล คอนเทนเนอร์ ไลน์ พีทีอี จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ถือหุ้นทั้งจำนวนและจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทในประเทศสิงคโปร์ จะซื้อเรือจำนวน 2 ลำ ขนาดลำละ 1858 TEU ราคาต่อลำ 226.81 ล้านบาท มูลค่าการซื้อขายรวม 453.62 ล้านบาท (อัตราแลกเปลี่ยน 1 เหรียญสหรัฐฯ เท่ากับ 33.37 บาท)
พร้อมกันนี้บริษัทฯได้เพิ่มเงินลงทุนในบริษัทย่อย 2 บริษัท ที่ถือหุ้น 99.99% ได้แก่ บริษัท ศานติ ภูมิ เพิ่มทุน 470 ล้านบาท จากทุนเดิม 10 ล้านบาท เป็น 480 ล้านบาทและบริษัท ฐิติ ภูมิ เพิ่มทุน 470 ล้านบาท จาก 10 ล้านบาท เป็น 480 ล้านบาท โดยแหล่งเงินทุนมาจากเงินทุนของบริษัท เพื่อรองรับการเติบโตในอนาคต