เมย์แบงก์ กิมเอ็ง โชว์ผลงาน Q3/64 กำไร 183 ล้านบาท โต 167.21%

HoonSmart.com>>บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) รายงานผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ในไตรมาส 3 ปี 2564 โดยบริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 183.64 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 114.91 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 167.21%  ขณะที่รายได้ดอกเบี้ยจากเงินฝากในสถาบันการเงินและพันธบัตรรัฐบาลลดลง 8.63 ล้านบาท

อารภัฏ สังขรัตน์

นายอารภัฏ สังขรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.หลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) กล่าวถึงภาพรวมผลการดำเนินงานสำหรับงวดสามเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย.64 โดยบริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 183.64 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 114.91 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 167.21% เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีกำไรสุทธิ 68.73 ล้านบาท บริษัทฯ จึงใคร่ขอชี้แจงสาเหตุการเปลี่ยนแปลง ในส่วนที่มีสาระสำคัญ ดังนี้

รายได้ค่านายหน้าเพิ่มขึ้น 220.01 ล้านบาท จาก 394.37 ล้านบาท เป็น 614.38 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 55.79% เนื่องจากรายได้ค่านายหน้าจากการซื้อขายหลักทรัพย์เพิ่มขึ้น 212.66 ล้านบาท จาก 356.42 ล้านบาท เป็น 569.08 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 59.66% อันเป็นผลจากมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์เพิ่มขึ้นจาก 56,139.43 ล้านบาท/วัน เป็น 92,912.47 ล้านบาท/วัน หรือ เพิ่มขึ้นร้อยละ 65.50% และสัดส่วนนักลงทุนบุคคลซึ่งเป็นส่วนรายได้หลักของบริษัท เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 45.00% เป็นร้อยละ 45.68% อันเป็นผลให้มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยของนักลงทุนบุคคลเพิ่มขึ้นจาก 25,260.99 ล้านบาท/วัน เป็น 42,445.50 ล้านบาท/วัน หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 68.03%

ในขณะที่รายได้ค่านายหน้าจากการซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเพิ่มขึ้น 6.56 ล้านบาท จาก 37.94 ล้านบาท เป็น 44.50 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ17.28% และรายได้ค่านายหน้าอื่น ซึ่งส่วนใหญ่เป็นรายได้ค่านายหน้าจากบริการเสนอซื้อหลักทรัพย์จากประชาชนทั่วไปเพิ่มขึ้น 0.79 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 100%

สำหรับรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการเพิ่มขึ้น 32.99 ล้านบาท จาก 14.69 ล้านบาท เป็น 47.68 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น ร้อยละ 224.59% เนื่องมาจากค่าธรรมเนียมจากการจัดจำหน่ายหลักทรัพย์เพิ่มขึ้น 18.96 ล้านบาท ค่าที่ปรึกษาทางการเงินเพิ่มขึ้น 2.80 ล้านบาท และค่าธรรมเนียมและบริการอื่นเพิ่มขึ้น 11.23 ล้านบาท โดยรายได้อื่นเพิ่มขึ้น 31.98 ล้านบาท จาก 161.31 ล้านบาท เป็น 193.29 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 19.83% เนื่องมาจากรายได้ดอกเบี้ยเงินให้กู้ยืมเพื่อซื้อหลักทรัพย์เพิ่มขึ้น 65.21 ล้านบาท และรายได้อื่นเพิ่มขึ้น 2.08 ล้านบาท ในขณะที่รายได้ดอกเบี้ยจากเงินฝากในสถาบันการเงินและพันธบัตรรัฐบาลลดลง 8.63 ล้านบาท และกำไรและผลตอบแทนจากเครื่องมือทางการเงินลดลง 26.68 ล้านบาท

“ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ในปีนี้จนถึงปัจจุบันนับว่ามีความโดดเด่นและเป็นที่น่าพอใจ กำไรสุทธิของบริษัทฯ อยู่ที่ 631.68 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 103.49% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน การลงทุนของนักลงทุนในช่วงสองสามปีที่ผ่านมาทำให้เราต้องนำเสนอผลิตภัณฑ์ทางการลงทุนที่หลากหลายขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเปิดให้บริการบริหารความมั่งคั่งเพื่อสร้างผลตอบแทนที่สัมฤทธิ์ผลตอบโจทย์ทุกการลงทุนให้แก่นักลงทุนอันเป็นเจตนารมย์ของเราที่มุ่งมั่นและต้องการให้เกิดการกระจายการลงทุนไปยังกลุ่มนักลงทุนต่างๆ และเพื่อให้ทุกคนสามารถเข้าถึงการลงทุนได้อย่างสะดวกและง่ายขึ้น

นอกจากนี้ ในช่วงวิกฤติการณ์โควิด-19 เราสามารถดูแลพนักงานและสร้างสภาพแวดล้อมในการทำงานที่ดีเพื่อให้พนักงานทุกคนปลอดภัย อีกทั้งองค์กรของเรายังได้มีโอกาสต้อนรับทีมงานที่เป็นพนักงานคนรุ่นใหม่ที่มีความสามารถเข้ามาเสริมทัพ พร้อมเปิดโลกทัศน์มุมมองใหม่ เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับธุรกิจและบริการใหม่ๆ ตลอดจนการแข่งขันในธุรกิจในปีหน้า โดยในปี 2565 นี้จะเป็นปีที่มีเรื่องราวและพัฒนาการขององค์กรที่น่าสนใจ และน่าจับตามองทีเดียว” นายอารภัฏ กล่าวเพิ่มเติม