BEAUTY ขาดทุนต่อ 35 ล้าน เดินหน้าลดต้นทุน

HoonSmart.com>>”บิวตี้ คอมมูนิตี้” เปิดผลงานไตรมาส 2/2564 ขาดทุนสุทธิ 35 ล้านบาท ดีขึ้นกว่าปีก่อน แต่แย่ลงจากไตรมาสแรกขาดทุนแค่ 15 ล้านบาท รายได้หายไป 36.6% เหลือ 81.74 ล้านบาท กำไรขั้นต้นวูบ 64% ค่าใช้จ่ายในการขาย-บริหารลดลง รวม 6 เดือนปีนี้ขาดทุน 50 ล้านบาท  ครึ่งปีหลังยังคงได้รับผลกระทบโควิด เดินหน้าคุมค่าใช้จ่าย รักษาสภาพคล่อง พัฒนาโมเดลธุรกิจใหม่ 

บริษัท บิวตี้ คอมมูนิตี้ (BEAUTY) เปิดเผยผลงานไตรมาสที่ 2/2564 ขาดทุนสุทธิ 35.18 ล้านบาท ฟื้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน ขาดทุนถึง 61.36 ล้านบาท แต่แย่ลงจากไตรมาสแรกปีนี้ขาดทุนเพียง 15 ล้านบาท

ส่วน 6 เดือนปีนี้ขาดทุนสุทธิ 50 ล้านบาท ดีขึ้นจากปีก่อนขาดทุนกว่า 101 ล้านบาท

ไตรมาสที่ 2/2564 บริษัทมีรายได้รวม 81.74 ล้านบาท ลดลง 36.60% กำไรขั้นต้นลดลง 64.23% เหลือจำนวน 23.36 ล้านบาท ขณะที่มีค่าใช้จ่ายในการขายลดลง 56.12% เหลือ 45.49 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายในการบริหารลดลง 15.52% เหลือ 28.65 ล้านบาท โดยรวม 6 เดือนปีนี้ มีรายได้รวม 219.15 ล้านบาท ลดลง 45.11% กำไรขั้นต้น 90.84 ล้านบาท ลดลง 57.86%

นพ.สุวิน ไกรภูเบศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิวตี้ คอมมูนิตี้ (BEAUTY) กล่าวว่า ในไตรมาสที่ 2/2564 รายได้รวมลดลง 40.5% จากไตรมาส 1/64 ที่ทำได้จำนวน 137.41 ล้านบาท ขาดทุนทางบัญชีสุทธิ 35.18 ล้านบาทลดลง 42.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุนอยู่ที่ 61.36 ล้านบาท  มีค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับการปรับโครงสร้างธุรกิจซึ่งเป็นการจ่ายครั้งเดียวจำนวน 21.51 ล้านบาท ประกอบด้วยการตั้งค่าเผื่อสินค้าเสื่อมสภาพ (Stock Provision) 14.45 ล้านบาท การปิดสาขาที่ไม่มีประสิทธิภาพในการทำกำไร 5.69 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายชดเชยพนักงานจากการปรับฐานกำลังคน 1.37 ล้านบาท ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นลดลงอยู่ที่ 51.3% จากไตรมาสแรกอยู่ที่ 51.3% หากไม่รวม Stock Provision อัตรากำไรขั้นต้นจะอยู่ในระดับปกติที่ 52%

ทั้งนี้บริษัทมีรายได้มาจากต่างประเทศสัดส่วน 21% ตลาดในประเทศ 79% สาขาลดลง 62 สาขา จากต้นปี 64 มีสาขา 113 สาขา ปัจจุบันมีสาขาทั้งสิ้น 51 สาขา

“อัตรากำไรขั้นต้นในไตรมาส 2/64 อยู่ที่ 31.9% ลดลงจากไตรมาส 1/64 อยู่ที่ 51.3% เนื่องจากมีการตั้งค่าเผื่อสินค้าเสื่อมสภาพ (Stock Provision) ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นครั้งเดียว (onetime expense) จำนวน 14.45 ล้านบาท แต่ถ้าหากไม่นับ

แนวโน้มธุรกิจครึ่งปีหลัง คาดว่าระบบการค้าทั้งประเทศยังคงได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 และยังไม่มีแนวโน้มว่าสถานการณ์จะกลับมาดีขึ้นเมื่อใด ดังนั้นบริษัทจะต้องปรับธุรกิจและกำหนดกลยุทธ์ใน 3 ด้านหลักเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพธุรกิจ พัฒนาโมเดลธุรกิจใหม่และขยายช่องทางการจำหน่ายที่มีการขยายตัวสูง  เพิ่มรายได้จากฐานลูกค้าในประเทศ และสามารถสร้างตลาดที่ครอบคลุมในระยะยาว

ส่วนสินค้าใหม่ ในช่วงครึ่งปีแรก บริษัทได้ออกสินค้าใหม่ไปแล้วทั้งสิ้น 14 Items 14 SKUs เพื่อช่วยผลักดันยอดขาย และในช่วงครึ่งปีหลังบริษัทมีแผนออกสินค้าใหม่ต่อเนื่องเพิ่มอีก 16 Items 16 SKUs ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มสินค้าขนาดเล็ก เพื่อจำหน่ายในช่องทางสินค้าอุปโภค ส่วนตลาดในประเทศจีนคาดว่าคำสั่งซื้อมีแนวโน้มการฟื้นตัวแบบค่อยเป็นค่อยไป เข้าสู่ช่วงเทศกาลโปรโมชั่น 11 เดือน 11 รวมทั้งยังมีการพัฒนาโมเดลการขายในต่างประเทศใหม่ “Product License” เพื่อความสะดวกในการพัฒนาสินค้าใหม่ และการบริหารจัดการ โดยมีแผนแต่งตั้งตัวแทน License Product อีก 1 ราย สำหรับสินค้าทั้งหมด 10 SKUs คาดว่าแล้วเสร็จภายในไตรมาส 3