ธปท.รับโควิดระลอก 3 ฉุดการฟื้นตัวของศก.ไทยโตเท่าก่อนวิกฤตเป็น Q1/66

HoonSmart.com>>ผู้ว่าการธปท.คาดการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยที่จะกลับสู่ภาวะปกติใช้เวลานานขึ้นเป็นไตรมาสแรกปี 2566 ผลจากการระบาดในระลอก 3 เร่งรัฐบาลกระจายการฉีดวัคซีน ขณะที่The Mallจับมือ 6 สถาบันการเงิน ช่วยสภาพคล่องผู้ประกอบการร้านค้า SMEs หวังตั้งแต่เดือน ก.ค.ความเชื่อมั่นผู้บริโภคดีขึ้น กระตุ้นการใช้จ่ายในประเทศ

 

ดร. เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยหรือ ธปท.กล่าวในการสัมมนาออนไลน์ “ประสานพลังเพื่อคู่ค้า เดินหน้าฟื้นฟูธุรกิจ” โดยยอมรับว่า การแพร่ระบาดของโควิด 19 นับเป็นวิกฤติสาธารณสุขที่ส่งผลในวงกว้างและได้ทดสอบความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจไทยและภาคธุรกิจ โดยเฉพาะสำหรับ SMEs และรายย่อยมาตลอดระยะเวลาเกือบปีครึ่ง เศรษฐกิจไทยในปี 2563 หดตัวเกือบจะมากที่สุดในภูมิภาค จากการพึ่งพาภาคการท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบรุนแรง อีกทั้งสถานการณ์การแพร่ระบาดระลอกสามและการกระจายวัคซีนที่ยังมีความไม่แน่นอนสูง ทำให้คาดว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยต้องใช้เวลา ซึ่งอาจต้องรอถึงไตรมาสแรกของปี 2566 กว่าจะกลับมาสู่ระดับก่อนโควิด

การฟื้นตัวของเศรษฐกิจจะต้องใช้เวลา ทำให้ต้องเร่งแก้ปัญหาเรื่องสภาพคล่องของ SMEs ไม่ให้ลุกลามไปกว่านี้ ซึ่งทั้ง 4 ภาคส่วน ได้แก่ ภาครัฐ สถาบันการเงิน ผู้ประกอบธุรกิจรายใหญ่ และ SMEs ต้องทำงานร่วมกัน และยกระดับบทบาทของตนในการช่วยให้ SMEs ได้รับสภาพคล่องอย่างทันการณ์

ซึ่งความร่วมมือในครั้งนี้ จึงเป็นอีกตัวอย่างของการประสานพลัง และการนำข้อมูลที่มีอยู่แล้ว มาใช้ประโยชน์ร่วมกัน เพื่อลดข้อจำกัดต่างๆ เพื่อทำให้ SMEs กว่า 1.8 ล้านราย ที่จ้างงานกว่า 7.5 ล้านคน และเป็นฟันเฟืองสำคัญของเศรษฐกิจ มีโอกาสในการเข้าถึงสินเชื่อสูงขึ้น

นายผยง ศรีวณิช ประธานสมาคมธนาคารไทยและกรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคากรุงไทย (KTB) ระบุว่า เรื่องเร่งด่วนที่สำคัญที่สุดในขณะนี้คือ การทำให้ประชาชนได้รับการฉีดวัคซีนโดยเร็วที่สุด เพราจะทำให้เกิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจ โดยมั่นใจว่าหากรัฐบาลฉีดวัคซีนได้ครบตามเป้าหมาย หลังจากนี้เศรษฐกิจไทยจะเติบโตได้อย่างก้าวกระโดด

ซึ่งความร่วมมือในครั้งนี้ คาดว่าจะช่วยให้ผู้ประกอบการธุรกิจค้าปลีก ตลอดทั้ง Supply Chain สามารถประคองธุรกิจ รักษาการจ้างงาน และลดภาระทางการเงินในช่วงนี้ เพื่อให้ธุรกิจสามารถผ่านพ้นวิกฤตครั้งนี้ไปได้ โดยธนาคารพร้อมช่วยเหลือลูกค้าธุรกิจให้เข้าถึงสภาพคล่องอย่างเต็มที่ เพราะ SMEs ป็นรากฐานสำคัญของเศรษฐกิจไทย โดย “กลุ่มธุรกิจการค้าและบริการ” มีผู้ประกอบการ SMEs เกี่ยวข้องถึง 2.5 ล้านราย หรือประมาณ 81% ของผู้ประกอบการ SMEs ทั้งหมด และยังเป็นกลุ่มธุรกิจที่มีการจ้างงานมากที่สุด ถึง 9 ล้านคน คิดเป็นประมาณ 77% ของการจ้างงานในภาค SMEs หรือมากถึง 54% ของการจ้างงานทั้งหมด

หลังจากนี้ สมาคมธนาคารไทย และธนาคารสมาชิก ภายใต้นโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทย จะยังคงติดตามสถานการณ์และดูแลลูกค้าทุกกลุ่มอย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินสถานการณ์ สามารถปรับมาตรการช่วยเหลือลูกค้าได้อย่างตรงจุดทันท่วงที เพื่อที่เราจะก้าวผ่านวิกฤตนี้ไปด้วยกัน

นายอาทิตย์ นันทวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและประธานกรรมการบริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์( SCB) กล่าวเสริมว่า แม้การฉีดวัคซีนจะทำได้ตามเป้าหมาย แต่ต้องยอมรับว่าความไม่แน่นอนของภาคธุรกิจยังมีมาก และต้องใช้เวลาอีกพอสมควรกว่าเศรษฐกิจไทยจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ รวมทั้งผู้ประกอบการจะต้องปรับตัวเพื่อรองรับกับวิถีการทำธุรกิจในรูปแบบใหม่

นางศุภลักษณ์ อัมพุช ประธานกรรมการบริหาร บริษัทเดอะมอลล์ กรุ๊ป กล่าวว่า บริษัทได้ร่วมมือกับภาคสถาบันการเงิน ภายใต้โครงการ “ประสานพลังเพื่อคู่ค้า เดินหน้าฟื้นฟูธุรกิจ” เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการร้านค้า ซัพพลายเออร์ SMEs ผู้ประกอบการรายย่อยที่เป็นคู่ค้า และพันธมิตรของเดอะมอลล์กรุ๊ปกว่า 6,000 ราย สามารถเข้าถึงสินเชื่อฟื้นฟู เพื่อเสริมสภาพคล่องทางการเงิน ผ่านผลิตภัณฑ์ต่างๆที่แต่ละธนาคารมี เพราะต้องยอมรับว่าวิกฤตการระบาดที่เกิดขึ้น มีระยะเวลายาวนาน ให้ผู้ประกอบการรายย่อยได้รับผลกระทบมาก ซึ่งหากรัฐบาลกระจายการฉีดวัคซีนได้ตามเป้าหมาย กำลังซื้อของประชาชนจะเริ่มกลับมาได้ตั้งแต่เดือนกรกฎาคมหรือตั้งแต่ต้นไตรมาส3 เป็นต้นไป