“ไทยออยล์” อวดกำไรไตรมาสสอง 4.79 พันล้านบาท เติบโต 47% จากงวดเดียวกันของปีก่อน รายได้ยอดขายเพิ่มตามราคาขายผลิตภัณฑ์ขึ้นตามราคาน้ำมันดิบและกำไรสต๊อกน้ำมัน
บริษัท ไทยออยล์ (TOP) แจ้งผลการดำเนินงานไตรมาส 2 สิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย.2561 กำไรสุทธิ 4,794.75 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 2.35 บาท เพิ่มขึ้น 47% จากงวดเดียวกันของปีก่อนกำไรสุทธิ 3,249.53 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 1.59 บาท
ส่วนงวด 6 เดือน ปี 2561 กำไรสุทธิ 10,402.64 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 1.59 บาท เพิ่มขึ้น 0.76% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนกำไรสุทธิ 10,324.04 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 5.06 บาท
ในงวดไตรมาส 2 ปี 2561 เมื่อเทียบไตรมาส 1 ปี 2561 กลุ่มไทยออยล์มีการหยุดซ่อมบำรุงหน่วยกลั่นน้ำมันดิบหน่วยที่ 1 และหน่วยผลิตอื่นที่เกี่ยวข้องตามวาระ ทำให้ปริมาณวัตถุดิบที่ป้อนเข้าสู่กระบวนการผลิตของกลุ่มลดลง อย่างไรก็ดี กลุ่มไทยออยล์มีรายได้จากการขาย 96,710 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5,093 ล้านบาท ตามราคาขายผลิตภัณฑ์เฉลี่ยที่เพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมันดิบ โดยกำไรขั้นต้นจากการผลิตของกลุ่มไม่รวมผลกระทบจากสต๊อกน้ำมันอยู่ที่ 5.9 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ลดลง 2.3 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล เนื่องจากส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์เฉลี่ยปรับตัวลดลง
ทั้งนี้ จากราคาปิดของน้ำมันดิบในไตรมาส2 ปี 2561 ที่ปรับเพิ่มขึ้นจากไตรมาส 1 ปี 2561 ส่งผลให้กลุ่มไทยออยล์มีกำไรขั้นต้นจากการผลิตของกลุ่มรวมผลกระทบจากสต๊อกน้้ามันอยู่ที่ 10.9 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 2.3 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล และเมื่อรวมกำไรจากอนุพันธ์เพื่อประกันความเสี่ยงสุทธิ 70 ล้านบาท ส่งผลให้กลุ่มไทยออยล์มี EBITDA 9,144 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,785 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงทำให้มีผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนสุทธิ 1,159 ล้านบาท เทียบกับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนสุทธิ 1,470 ล้านบาทในไตรมาสก่อน โดยส่วนใหญ่เกิดจากขาดทุนทางบัญชีที่ยังไม่เกิดขึ้นจากการแปลงค่าของเงินกู้ยืมสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ