AP โชว์กำไรโค้งแรก 1.4 พันลบ. โต 127% ยอดขายแนวราบพุ่ง

HoonSmart.com>> “เอพี (ไทยแลนด์)” เปิดงบไตรมาสแรกปี 64 กำไรสุทธิ 1,402 ล้านบาท เติบโต 127% กวาดรายได้ 9,106 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 69% โครงการแนวราบยอดขายพุ่ง คุมบริหารจัดการค่าใช้จ่ายลดลง

บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) หรือ AP เปิดเผยผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2564 สิ้นสุดวันที่ 31 มี.ค.2564 กำไรสุทธิ 1,402.75 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.446 บาท เติบโต 127.1% จากงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 618.46 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.197 บาท

บริษัทฯ มีรายได้ 9,106 ล้านบาทเติบโต 68.7% จากงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 5,399 ล้านบาท และเพิ่มขึ้น 20.6% จากไตรมาสก่อน โดยมีรายได้จากการขายเพิมขึ้นมาอยู่ที่ 8,879 ล้านบาท หรือ 72.0% จากปีก่อน สืบเนืองมาจากผลงานที่ดีเยียมของสินค้าแนวราบ รายได้ค่าบริการและค่าบริหารจัดการ
อีกจํานวน 227 ล้านบาท

รายได้จากสินค้าแนวราบพุ่งสูงสุดอีกครั้งที่ 8,040 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 82.6% จากปีก่อน หลังจากทําสถิติรายได้สูงสุดไปแล้วถึง 2 ครั้งในปีก่อนหน้า ความสําเร็จจากการโอนกรรมสิทธิสินค้าแนวราบมาจากยอดขายรอรับรู้รายได้ปริมาณมากที่ยกมาจากปี 2563 ประกอบกับยอดขายระหว่างไตรมาสทีโดดเด่นจาก 100 โครงการที่อยู่ระหว่างการขายรอบกรุงเทพมหานครและปริมณฑล รวมถึงจากโครงการในต่างจังหวัด

ส่วนคอนโดมิเนียม แม้ว่าตลาดยังคงชะลอตัว ประกอบกับโครงการทีมีอยู่เดิมก็มีจํานวนไม่มาก แต่รายได้ยังคงเติบโตมาอยู่ที่ 839 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.5% จากปีก่อน เป็นผลมาจากการโอนกรรมสิทธิอย่างต่อเนื่องของโครงการ“Aspire อโศก – รัชดา” ซึ่งเริ่มโอนกรรมสิทธิเมือ ไตรมาสที่ 3 ปี 2563 โดย ณ สิ้นไตรมาสที่ 1 ปี 2564 โครงการดังกล่าวโอนกรรมสิทธิไปแล้ว 87.3% อีกทั้งการโอนกรรมสิทธิของโครงการ ดังกล่าวยังคิดเป็นกว่า 70% ของยอดโอนกรรมสิทธิคอนโดมิเนียม ของเอพีในไตรมาสที 1 ปี 2564 นอกจากนี้ โครงการ “Aspire รัตนาธิเบศร์ 2”, “Aspire สุขุมวิท – อ่อนนุช เฟส 1” และห้องที่เหลือทั้งหมดของโครงการ “Aspire สาทร – ราชพฤกษ์” (ปิดการโอนกรรมสิทธิไปแล้วระหว่างไตรมาส) ก็มีส่วนช่วยผลักดันการเติบโตของรายได้จากคอนโดมิเนียมของเอพ

ด้านอัตรากําไรขั้นต้นปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนืองหลังจากลดลงไปตํ่ากว่าปกติในช่วงการแพร่ระบาดของ Covid19 ในไตรมาสที่ 2 ปี 2563 โดยอัตรากําไรขั้นต้นในไตรมาสที 1 ปี 2564 อยู่ในเกณฑ์ดีที่ 32.6% หรือเพิ่มขึ้น 0.9% จากอัตรากําไรขั้นต้นที่ 31.7% ในไตรมาสที 4 ปี 2563 แต่ลดลง 1.9% เมือเทียบกับปีก่อน

นอกจากนี้บริษัทฯ ยังคุมค่าใช้จ่ายในการขายและการบริหารอย่างใกล้ชิด โดยมียอดค่าใช้จ่าย 1,425 ล้านบาทในไตรมาสที 1 ปี 2564 หรือคิดเป็น 15.6% ของรายได้ ลดลง 5.6% จากปีก่อน เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการขายและการบริหารครอบคลุมการดําเนินงานของโครงการร่วมทุน เมื่อคิดรวมรายได้ 51% จากโครงการร่วมทุน อัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและการบริหารต่อรายได้ในไตรมาสที 1 ปี 2564 จะอยู่ที่ 14.9% ลดลง 4.9% จากปีก่อน

ด้านรายได้จากโครงการร่วมทุน (ร้อยละ 100) ในไตรมาสที 1 ปี 2564 อยู่ที 1,667 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.3% จากปีก่อน และบันทึกส่วนแบ่งกําไรจากเงินลงทุนในการร่วมค้าที 175 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 60.1% จากปีก่อน

“บริษัทฯ เริ่มต้นปีด้วยผลงานที่โดดเด่น รายได้รวมและกําไรสุทธิในไตรมาสที 1 ปี 2564 พุ่งสูงเป็นอันดับทีสองตังแต่ก่อตั้งบริษัท อัตรากําไรสุทธิอยู่ในระดับสูงอยู่ที่ 15.4% เพิ่มขึ้น 4.0% จากปีก่อน ในขณะเดียวกันเรายังคงรักษาวินัยทางการเงินอย่างเข้มแข็ง ส่งผลให้อัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุนอยู่ที่ 0.61 เท่า”