HoonSmart.com>>JMART ปฏิวัติวงการตลาดใช้คริปโต JFIN กับ 7 บริษัทในกลุ่ม กระตุ้นยอดขายคาดดันรายได้เพิ่มเดือนละ 70 ล้านบาท เตรียมเปิดตัวแคมเปญสำหรับการใช้ JFIN ในการลด แลก แจกให้กับลูกค้าของกลุ่ม 17 พ.ค.นี้ มั่นใจปีนี้ผลงานยังโตตามเป้าที่ 50% แม้มีโควิดระลอก 3
นายอดิศักดิ์ สุขุมวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ มาร์ท หรือ JMART บอกว่ากลุ่มมีวิสัยทัศน์ในการขับเคลื่อนธุรกิจโดยนำเทคโนโลยีและบล็อกเชน (Blockchain) เข้ามาสนับสนุน ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการนำ JFIN หรือดิจิทัลโทเคนของบริษัทในกลุ่มเจมาร์ท เข้ามาระดมทุนในรูปแบบ ICO (initial coin offering) เป็นรายแรกของประเทศไทยเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2561 JFIN จึงถือเป็นตัวแทนการเข้าสู่โลกใหม่ของกลุ่มเจมาร์ทนับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา และถือเป็นผู้นำตลาดที่พยายามผลักดันให้ธุรกิจ FinTech ได้เกิดขึ้นในประเทศไทยอย่างแท้จริง
กลุ่มเจมาร์ทพยายามเพิ่มความหลากหลายให้ JFIN ในการนำมาใช้ในกลุ่มบริษัท และในวันที่ 17 พ.ค.นี้ บริษัทจะเปิดตัวสิทธิประโยชน์ของเหรียญ เพื่อปฏิวัติวงการด้านการตลาด ทั้งการลด แลก แจกและเตรียมทยอยเปิดตัวโครงการอีก 21 โครงการ สร้างความเชื่อมั่นให้ผู้ถือ JFIN และผู้ถือหุ้นของ JMART ควบคู่การสร้างการเรียนรู้ทางด้านคริปโตเคอร์เรนซี่ให้กับผู้บริโภครุ่นใหม่ สอดรับสถานการณ์ในปัจจุบันที่ตลาดคริปโตเคอเรนซี่ได้รับความสนใจมากขึ้น
บริษัทคาดหวังว่าการนำเอา JFIN มาใช้ครั้งนี้น่าจะมีรายได้เพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 70 ล้านบาทต่อเดือน เมื่อรวมรายได้ของที่จะเกิดขึ้นจากโปรแกรมนี้ และมั่นใจว่าในปีนี้ ผลประกอบการของบริษัทจะเติบโตได้ 50% ตามเป้าหมาย แม้ว่าจะมีการระบาดของโควิดระลอก 3 เนื่องจากการระบาดของโควิคในช่วงที่ผ่านมาบริษัทยังมีผลการดำเนินงานที่โตได้อย่างต่อเนื่อง
นายธนวัฒน์ เลิศวัฒนารักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ เวนเจอร์ส จำกัด หรือ JVC ผู้ประกอบธุรกิจพัฒนาซอฟท์แวร์และแอพพลิเคชั่นทางด้านฟินเทค และลงทุนในธุรกิจสตาร์ทอัพ เปิดเผยว่า JFIN ได้สร้างปรากฏการณ์ใหม่ครั้งแรกของประเทศไทยกับการนำดิจิทัลโทเคน JFIN มาใช้แลกเป็นสินค้า (Redeem) ใช้ภายในกลุ่มเจมาร์ท เริ่มตั้งแต่ช่วง 3 ปีก่อน ภายหลังจาก ICO สำเร็จ
วันนี้กลุ่มบริษัทเจมาร์ทยังคงพยายามผลักดันในการทำให้ JFIN สามารถนำมาใช้เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนสินทรัพย์หรือบริการที่ได้รับการยอมรับในวงกว้าง (Real JFIN Utility mass adoption) ด้วยจุดแข็งของบริษัทในกลุ่มเจมาร์ทที่มีระบบนิเวศน์ในการทำธุรกิจที่หลากหลาย ทั้งค้าปลีก การเงิน ประกัน และ อสังหาริมทรัพย์ ซึ่งมีฐานลูกค้าจำนวนกว่า 7ล้านคน ดังนั้น แต้มต่อของ JFIN วันนี้ มั่นใจจะทำให้ผู้บริโภคหันมาสนใจตลาดคริปโตเคอเรนซี่ได้มากขึ้นและเป็นรายแรกในการปฏิวัติวงการตลาดคริปโตเคอร์เรนซี่ที่ภาพชัดเจนที่สุด และจะเป็นสิ่งที่ช่วยผลักดันให้กระตุ้นยอดขายของกลุ่มบริษัทให้เพิ่มขึ้นด้วย
ด้านโปรเจ็กต์สำหรับพนักงานของเจมาร์ท บริษัทฯมุ่งเน้นการสร้างความรู้และความเข้าใจเพื่อให้ทุกฝ่ายในองค์กรขับเคลื่อนไปข้างหน้าพร้อมๆ กันและมีโอกาสได้รับ JFIN หากผลงานเป็นไปตามเป้าหมาย รวมทั้งการให้ JFIN ต่อพนักงานในรูปแบบ (ETOP) ตามอายุการทำงานหรือเงื่อนไขที่จะออกมาเป็นหลักเกณฑ์ เพื่อเป็นเครื่องมือที่ช่วยสร้างแรงจูงใจให้แก่บุคลากรของบริษัทในการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพและสร้างการเจริญเติบโตให้แก่กลุ่มบริษัทเจมาร์ท อย่างยั่งยืนในอนาคต