LPN ขายหุ้นกู้ 10-12 พ.ค. อายุ 3 ปี ดอกเบี้ยคงที่ 3.95%ต่อปี

HoonSmart.com>>”แอล.พี.เอ็น.ฯ”เตรียมเปิดขายหุ้นกู้ ให้กับผู้ลงทุนทั่วไป ให้ผลตอบแทนสม่ำเสมอ ทริสฯให้เรทติ้ง BBB+ มองการเติบโตต่อเนื่อง บริษัทระดมเงินไว้ลงทุนตามแผน 3 ปี คาดปี 2567 มีรายได้ไม่ต่ำกว่า 16,000 ล้านบาท  ปีนี้เปิดเกือบ 10 โครงการ คาดใช้เงินลงทุนประมาณ 8,500 ล้านบาท 

นายอภิชาติ เกษมกุลศิริ เจ้าหน้าที่บริหารระดับสูงด้านการเงิน บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ (LPN) เปิดเผยว่า LPN เตรียมเสนอขายหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ ให้กับผู้ลงทุนทั่วไป ในว้นที่ 10-12  พ.ค. 2564  โดยเป็นหุ้นกู้ที่มีอายุ 3 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ 3.95% ต่อปี กำหนดจ่ายดอกเบี้ยทุก 3 เดือน มูลค่าจองซื้อขั้นต่ำ 100,000 บาท

วัตถุประสงค์ในการระดมทุนครั้งนี้ เพื่อนำเงินไปซื้อที่ดิน ใช้ในการขยายกิจการและรองรับเป้ารายได้และการเติบโตในอนาคตตามแผนธุรกิจปี 2564-2567 โดยคาดว่าจะมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 16,000 ล้านบาท ในปี 2567

ส่วนในปี 2564 บริษัทมีแผนเปิดตัวบ้านพักอาศัย 6 โครงการ มูลค่าประมาณ 5,500 ล้านบาท และเปิดตัวโครงการอาคารชุดพักอาศัย 2-3 โครงการ มูลค่าประมาณ 3,000 ล้านบาท

“หุ้นกู้ LPN เปิดโอกาสที่ดีให้กับนักลงทุนที่แสวงหาผลตอบแทนสม่ำเสมอ เป็นหุ้นกู้ที่มีความน่าเชื่อถือ  LPN เป็นบริษัทที่ได้รับการยอมรับ มีการเติบโตต่อเนื่องและมั่นคงในเส้นทางธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์มายาวนานกว่า 30 ปี”นายอภิชาติกล่าว

ทั้งนี้บริษัทและหุ้นกู้ได้รับการจัดอันดับเครดิตจากบริษัท ทริสเรทติ้ง ที่ระดับ ‘BBB+’ แนวโน้ม ‘คงที่’  สะท้อนถึงความคาดหวังว่า LPN จะสามารถรักษาผลการดำเนินงานไว้ได้ตามที่คาดการณ์ และจะสามารถส่งมอบยอดขายที่รอการรับรู้รายได้ได้ตามแผน ท่ามกลางการแข่งขันที่รุนแรงในตลาด  ตอกย้ำความมั่นใจในความเป็นผู้นำในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ รวมถึงการมีแบรนด์ที่เป็นที่ยอมรับในกลุ่มที่อยู่อาศัยทั้งอาคารชุดพักอาศัย และบ้านพักอาศัย โดย LPN ยังคงมุ่งมั่นที่จะเติบโตอย่างยั่งยืน รวมถึงจะรักษาความสามารถในการแข่งขัน มีวินัยทางการเงิน และนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป

ในช่วงปี 2564-2566 ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะมีอัตรากำไรขั้นต้นโดยเฉลี่ยไม่น่าจะต่ำกว่า 30% กำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายน่าจะอยู่ในระดับ 1,000-1,500 ล้านบาทต่อปี ป บริษัทจะยังคงรักษาอัตรากำไรก่อนดอกเบี้ยฯให้สูงกว่า 15% และอัตรากำไรสุทธิอยู่ในช่วง 8-10% ได้ตลอดระยะเวลาประมาณการ