IRPC แรงได้ใจ 3 ข่าวดีหนุน

HoonSmart.com>>”หุ้นไออาร์พีซี” ดีดตัวขึ้นแรง วอลุ่มหนาแน่น  จากแรงเชียร์นักวิเคราะห์ บล.หยวนต้าคงคำแนะนำให้ซื้อเก็งกำไรในช่วง 1-2 เดือนได้ จากราคาต่ำ  คาดไตรมาสแรกปีนี้โกยกำไร 2-3 พันล้านบาท  มีโอกาสเข้าดัชนี SET50 เพราะมาร์เก็ตแคปกว่า  8 หมื่นล้านบาท ได้ประโยชน์จากเกณฑ์ใหม่ฟรีโฟลท

หุ้นบริษัทไออาร์พีซี( IRPC) วิ่งสองวันติดต่อกัน โดยเฉพาะวันที่ 2 เม.ย. 2564 ที่ผ่านมา ราคาปิดกระโดดที่ 4.08 บาท บวก 0.22 บาทหรือ 5.70% ด้วยมูลค่าการซื้อขายสุดของของวันที่ 5,221 ล้านบาท ให้ผลตอบแทนแก่นักลงทุนกว่า 9.68% เทียบกับราคาปิดที่  3.72 บาท เมื่อวันที่ 31 มี.ค. โดยนักวิเคราะห์ 7 ใน 8 แนะนำให้ซื้อ และซื้อเก็งกำไร ราคาเฉลี่ย 4.07 บาท บล.ยูโอบีเคย์เฮียนให้ราคาสูงสุดถึง 4.60 บาท ขณะที่บล.ทิสโก้แนะนำให้ขาย และให้มูลค่าต่ำที่สุดเพียง 3.20 บาท

บล.หยวนต้า ออกบทวิเคราะห์วันที่ 22 มี.ค.ที่ผ่านมา คงคำแนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” ให้ราคาเหมาะสม 4 บาท หากราคาน้ำมันกลับมามีเสถียรภาพ นักลงทุนสามารถเข้าลงทุนรอบสั้นเพื่อเก็งกำไรในช่วง 1-2 เดือนข้างหน้าได้ เนื่องจากราคาปัจจุบันซื้อขายบน P/BV ระดับ 1 เท่านับว่ามีส่วนลดจากค่าเฉลี่ยระยะยาว 10 ปี

นอกจากนี้ผลประกอบการไตรมาส 1/2564 มีแนวโน้มออกมาดี เบื้องต้นคาดกำไรอาจสูงระดับ 2,000-3,000 ล้านบาท หนุนจาก Market GIM ที่ได้แรงหนุนจาก Spread PP และ ABS ที่พุ่งขึ้นจากอุปสงค์ที่ฟื้นตัวดีในประเทศจีน ท่ามกลางอุปทานตึงตัวจากปัญหาการผลิตในสหรัฐ ปัญหาตู้คอนเทนเนอร์ขาดแคลน การเลื่อน COD ของโรงงานในภูมิภาค รวมทั้งราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้นตั้งแต่ต้นปี ทำให้บริษัทมีโอกาสบันทึกกำไรสต็อกน้ำมันจำนวนมาก

” ปี 2564 คาดว่า IRPC จะมีกำไรสุทธิ 3,513 ล้านบาท พลิกจากขาดทุนสุทธิถึง 6,152 ล้านบาทในปีก่อน และในปี 2565 กำไรสุทธิยังคงเพิ่มขึ้นเป็น  3,883 ล้านบาท คาดอัตราผลตอบแทนปันผล 2.6% ในปีนี้และปีหน้า”บล.หยวนต้าระบุ

ขณะเดีียวกัน  IRPC มีโอกาสถูกเข้าคำนวณในดัชนี SET 50 เนื่องจากมาร์เก็ตแคปสูงราว 8 หมื่นล้านบาท และยังเป็นหุ้นที่ได้ประโยชน์จากเกณฑ์การคำนวณ SET 50 ที่อาจเพิ่มเงื่อนไขการคำนวณด้วย Market Capitalization adjusted free float เนื่องจากบริษัทมีฟรีโฟลท สูง 52.4% มากกว่าค่าเฉลี่ยของหุ้นขนาดใหญ่ทั่วไป

ส่วนการก้าวใหม่สู่ผลิตภัณฑ์การแพทย์ ที่ร่วมลงทุนสัดส่วน 60% กับบริษัทปตท.ดำเนินธุรกิจผลิต จำหน่ายผลิตภัณฑ์ผ้าไม่ถักไม่ทอ และวัสดุสิ้นเปลื้องทางการแพทย์ คาดว่าจะเริ่มเปิดดำเนินงานเชิงพาณิชย์ในช่วงไตรมาส 4/64 จะส่งผลการดำเนินงานไม่มากนัก คาดปริมาณขายระดับพันตัน/ปี มีผลต่อประมาณการการกำไรหลักสิบล้านบาท แต่เป็นการต่อยอดเพิ่มมูลค่าปิโตรเคมีสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ของบริษัทที่ต้องการเข้าสู่ผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าสูง ราคาไม่ผันผวนตามราคาสินค้าโภคภัณฑ์