HoonSmart.com>> “บล.เอเซีย พลัส” มองบวกกลุ่มผู้ผลิตแบตเตอรี่รถ EV หลังรัฐกำหนดเป้าหมายใช้รถยนต์ไฟฟ้าพลังงานแบตเตอรี่ จำนวน 3 หมื่นคันในปี 65 หนุนแรงเก็งกำไรระยะสั้นรับข่าว EA-GPSC-BANPU-BPP-BCPG ชู GPSC มีอัพไซด์ ราคาเป้าหมาย 82 บาท
หุ้นผู้ผลิตแบตเตอรี่รถไฟฟ้าเก็งกำไรคึกคักตั้งแต่เปิดตลาด 25 มี.ค.2564 นำโดยหุ้น EA ณ เวลา 10.24 น. อยู่ที่ 62.25 บาท เพิ่มขึ้น 3.50 บาท หรือ +5.96% มูลค่าการซื้อขายสูงสุดอันดับหนึ่งเช้านี้ 1,370.69 ล้านบาท รองลงมา GPSC อยู่ที่ 76.75 บาท เพิ่มขึ้น 2.50 บาท หรือ +3.37% มูลค่าการซื้อขาย 1,055.53 ล้านบาท
BANPU อยู่ที่ 12.20 บาท เพิ่มขึ้น 0.10 บาท หรือ 0.83% มูลค่าการซื้อขาย 238.70 ล้านบาท BPP อยู่ที่ 19.40 บาท เพิ่มขึ้น 0.40 บาท หรือ 2.11% มูลค่าการซื้อขาย 66.33 ล้านบาท
บริษัทหลักทรัพย์เอเซีย พลัส (ASPS) มองหุ้นกลุ่มดังกล่าวได้ sentiment เชิงบวกต่อกลุ่มผู้ผลิตแบตเตอรี่ประเภทต่างๆที่ใช้ในรถยนต์ EV รวมถึงผู้ผลิตรถยนต์ EV ถึงแม้เป้าหมายจะเป็นเป้าหมายในระยะยาวค่อยๆเกิดขึ้นในช่วง 14 ปี ข้างหน้า อาจยังไม่เห็นผลกำไรในในระยะสั้น แต่การที่ผู้ประกอบการต่างๆจะต่อยอดฐานกำไรจากธุรกิจแบตเตอรี่และรถยนต์ EV เป็นไปได้ไม่ยากจากการสนับสนุนของภาครัฐ ซึ่งผู้ประกอบการในประเทศไทยที่ผลิตแบตเตอรี่ในปัจจุบันมีจำนวนมาก แต่บริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่มีภาพการลงทุนในธุรกิจแบตเตอรี่ที่ชัดเจน
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 24 มี.ค.2564 ที่ผ่านมา คณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ ได้มีการประชุมและพิจารณา การกำหนดวิสัยทัศน์และเป้าหมายการส่งเสริมยานยนต์ไฟฟ้า โดยกำหนดเป้าหมายการใช้ Zero Emission Vehicle (ZEV) รถยนต์ที่ปราศจากการปล่อยมลพิษ ซึ่งเป็นยานยนต์ไฟฟ้าจากพลังงานแบตเตอรี่ BEV (Battery Electric Vehicle) และ FCEV (Fuel Cell EV) จำนวน 3 หมื่นคัน ในปี 2565 และจะเพิ่มเป็น 2.25 แสนคัน ในปี 2568 เพิ่มเป็น 4.4 แสนคัน ในปี 2573 และเพิ่มเป็น 1.15 ล้านคัน ในปี 2578 ตามเป้าหมาย
ฝ่ายวิจัยบล.เอเซีย พลัสแนะนำซื้อ GPSC ราคาเหมาะสม 82 บาท ที่ราคาหุ้นปัจจุบันยังมี upside จากมูลค่าพื้นฐาน อีกทั้งถึงแม้ในช่วงสั้นธุรกิจแบตเตอรี่จะยังไม่สามารถสร้างกำไรได้อย่างมีนัยฯ เพราะยังอยู่ในจุดเริ่มแรกของการลงทุน แต่ยังมีธุรกิจหลักโรงไฟฟ้าที่สามารถสร้างกำไรได้อย่างมีเสถียรภาพในระยะยาว จึงเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมยามนี้
อย่างไรก็ตามยังสามารถเก็งกำไรช่วงสั้นตาม sentiment เชิงบวกจากประเด็นข่าวดังกล่าวได้ทั้งกลุ่ม ได้แก่ EA แนะ Switch ราคาเหมาะสม 54 บาท , BANPU แนะนำ Switch ราคาเหมาะสม 10.5 บาท, BPP แนะ Switch ราคาเหมาะสม 16 บาท , BCPG แนะ Switch ราคาเหมาะสม 13 บาท แต่อาจต้องใช้ความระมัดระวังเนื่องจากธุรกิจแบตแตอรี่ยังไม่สามารถสร้างกำไรที่มีนัยฯต่อกำไรรวมของบริษัทฯในช่วง 1-2 ปี ข้างหน้า อย่างแน่นอน
สำหรับบริษัทจดทะเบียนภาพการลงทุนในธุรกิจแบตเตอรี่ที่ชัดเจน ได้แก่ หุ้น EA ถือเป็นผู้ผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนรายใหญ่ของประเทศ และเป็นผู้นำร่องธุรกิจแบตเตอรี่ในประเทศไทย ปัจจุบันลงทุนในธุรกิจแบตเตอรี่ผ่านบริษัทย่อย Amita Taiwan ( EA ถือหุ้นราว 70.0%) ซึ่งเป็นผู้ผลิตแบตเตอรี่ประเภท Lithium-ion กำลังการผลิต 400 MWh โดยมีกลุ่มลูกค้าในอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า และรถสาธารณะในประเทศไต้หวัน
นอกจากนี้ยังอยู่ระหว่างก่อสร้างโรงงานผลิตแบตเตอรี่ในประเทศไทย phase 1 (Amita Taiwan ถือหุ้น 100.0%) ขนาด 1.0 พัน MWh ซึ่งคาดจะแล้วเสร็จ และเริ่มผลิตแบตเตอรี่ cell แรกได้ในช่วงเดือนมีนาคม-เมษายน 2564 โดย EA มีแผนจะนำไปใช้ในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า ที่คาดจะเริ่มผลิตและส่งมอบให้กับลูกค้าได้ในช่วงกลางปี 2564 รวมถึงในอนาคตยังมีแผนจะนำมาใช้เป็นแบตเตอรี่กักเก็บพลังงานสำหรับโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนในกลุ่มของ EA ด้วย ส่วนในระยะถัดไป มีแผนจะขยายการผลิตไปให้ถึง 4.9 หมื่น MWh หากโรงงาน phase 1 พัฒนาไปได้ด้วยดี และมีกลุ่มลูกค้ารองรับในอนาคต
หุ้น GPSC ถือเป็นบริษัทลูกของ PTT ซึ่งเป็น flagship ในธุรกิจแบตเตอรี่ ซึ่งล่าสุดได้กำหนดให้ธุรกิจแบตเตอรี่เป็นหนึ่งในกลยุทธ์ New S-Curve ของบริษัท โดยเริ่มต้นจะป็นโครงการนำร่อง (Pilot project) สร้างโรงงานผลิตแบตเตอรี่ต้นแบบ 30.0 MWh ด้วยเทคโนโลยี semi-solid ซึ่งเป็นนวัตกรรมสมัยใหม่ในการผลิตแบตเตอรี่ Lithium- ion ของบริษัท 24M Technologies (GPSC ถือหุ้น 18.0%) ที่ลดความซับซ้อนของกระบวนการผลิต และจะช่วยให้ประหยัดต้นทุนการผลิตลงได้ โดยในเบื้องต้นจะนำมาทดลองใช้ภายในกลุ่ม PTT โดยเน้นในการติดตั้งเพื่อใช้กักเก็บพลังงาน (energy storage) เป็นหลัก และหากมีผลลัพท์ที่ดี จะพัฒนาเป็นผลิตเชิงพาณิชย์ต่อไป โดยโรงงานดังกล่าวคาดจะก่อสร้างแล้วเสร็จในช่วง 2Q64
นอกจากนี้ GPSC ยังได้เข้าถือหุ้น 11.1% ในบริษัท AXXIVA ในประเทศจีน กำลังการผลิตแบตเตอรี่ 1.0 พัน MWh ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการก่อสร้างและคาดจะแล้วเสร็จภายในปี 2564 และสามารถผลิตเชิงภาณิชย์ได้ภายในปี 2565 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อนำมาใช้กับอุตสาหกรรมกลุ่มยานต์ยนต์ไฟฟ้า โดยมีกลุ่มลูกค้าหลักอยู่ในประเทศจีน ในเบื้องต้น ยังไม่มีรายละเอียดเพิ่มเติมถึงประมาณการรายได้จากโครงการดังกล่าว
หุ้น BANPU/BPP – BANPU และ BPP เข้าถือหุ้น 50.0% ในบริษัทย่อย BANPU NEXT ที่ลงทุน 47.0% ในบริษัท Durapower Holdings Pte Ltd., ในประเทศจีน ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบ ผลิต และติดตั้งระบบแบตเตอรี่จัดเก็บพลังงานแบบ Lithium-ion เพื่อใช้ทั้งในอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า และระบบกักเก็บพลังงาน ปัจจุบันมีกลุ่มลูกค้าทั้งในประเทศจีนและยุโรป โดยโรงงานดังกล่าวสามารถรองรับการผลิตได้ 1.0 พัน MWh ซึ่งปัจจุบันได้ขยายกำลังการผลิตสู่ 380.0 MWh จากจุดเริ่มต้นที่ 80.0 MWh โดย ทั้ง BANPU และ BPPเริ่มมีการรับรู้กำไรจากธุรกิจนี้ราว 1-2 ล้านบาทต่อปี
หุ้น BCPG ถือเป็นผู้ประกอบการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนระดับแนวหน้าในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยมีโครงการต้นแบบจากการนำแบตเตอรี่ 1.4 MWh มาใช้สำหรับโครงข่ายไฟฟ้าเพื่อกักเก็บพลังงาน (Energy Storage) ควบคู่กับโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานลมกำลังการผลิตตามสัญญา 9.0 เมกะวัตต์ เพื่อช่วยลดความผันผวนของกระแสไฟฟ้าที่ผลิตจากกังหันลม และสามารถนำพลังงานไฟฟ้าที่ผลิตได้มาใช้ในเวลาที่เหมาะสม โดยโครงการดังกล่าวเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้วในเดือนเมษายน 2562
อย่างไรก็ตามเป้าหมายการใช้รถยนต์ ZEV ที่ทยอยเพิ่มขึ้นในช่วง 14 ปี ข้างหน้า ก็ถือเป็น sentiment เชิงลบต่อหุ้นกลุ่มน้ำมันและโรงกลั่น ถึงแม้ปริมาณการใช้น้ำมันจากรถยนต์ประเภทเชื้อเพลิง fossil ยังมีอยู่ แต่อัตราการเติบโตของความต้องการใช้น้ำมันในระยะยาวจะแนวโน้มลดลงอย่างแน่นอน ซึ่งอาจจะยังไม่เห็นผลชัดเจนในช่วง 5 ปี ข้างหน้า แต่เชื่อว่าหลังจาก 5 ปี ข้างหน้า ผลกระทบที่เกิดขึ้นน่าจะเริ่มส่งผลต่อทิศทางกำไรของผู้ประกอบการกลุ่มน้ำมันและโรงกลั่น ซึ่งทำให้ผู้ประกอบการต่างๆต้องหาวิธีการปรับตัว อาทิ การปรับเปลี่ยนไปสู่ธุรกิจปิโตรเคมีมากขึ้น ซึ่งในหลายๆบริษัทก็มีเปาหมายปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ในระยะยาว
ทั้งนี้ราคาหุ้นในกลุ่มโรงกลั่นได้ปรับตัวขึ้นแรงในช่วงก่อนหน้าจนเกินมูลค่าพื้นฐานไปแล้วเกือบทุกตัว ดังนั้นจึงมีโอกาสที่ราคาหุ้นจะมีการปรับฐานทั้ง TOP ราคาเหมาะสม 55 บาท BCP ราคาเหมาะสม 22B บาท IRPC รคาเหมาะสม 3.4 บาท และ PTTGC ราคาเหมาะสม 65 บาท