BBL กำไร 1.7 หมื่นลบ.ปี 63 แข็งแกร่งตั้งสำรอง 3.1 หมื่นลบ.

HoonSmart.com>>ธนาคารกรุงเทพเปิดกำไรปี 63 จำนวน 17,181 ล้านบาท ลดลง 52% จากการตั้งสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น 31,196 ล้านบาท แบกค่าใช้จ่ายในการรวมแบงก์เพอร์มาตา เฉพาะไตรมาสที่ 4 มีกำไรสุทธิ 2,398 ล้านบาท ลดลง 40.3% เทียบไตรมาส 3 เพราะตั้งสำรองเพิ่มขึ้น 27% รอบรับความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจ มีเงินกองทุนแข็งแกร่ง  พร้อมบุกธุรกิจใหม่ 

ธนาคารกรุงเทพ (BBL) เปิดเผยผลการดำเนินงานประจำปี 2563 มีกำไรสุทธิ 17,181 ล้านบาทลดลงจำนวน 18,635 ล้านบาท คิดเป็น 52.03% เทียบกับกำไรสุทธิ 35,816 ล้านบาทในปี 2562 เฉพาะไตรมาสที่ 4/2563 มีกำไรสุทธิ 2,398 ล้านบาท ลดลง 40.3% จากไตรมาสที่ 3/2563 และลดลง 70% จากไตรมาสที่ 4/2562 ที่มีกำไรสุทธิ 8,002 ล้านบาท เพราะมีผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจำนวน 7,203 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 27.1% จากไตรมาสที่ 3/2563 มีจำนวน 5,668 ล้านบาท

ส่วนสาเหตุที่ทำให้ธนาคารมีกำไรลดลงมากในปี 2563 เพราะตั้งสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจำนวน 31,196 ล้านบาท ทำให้อัตราส่วนค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตต่อเงินให้สินเชื่อที่มีการด้อยค่าด้านเครดิตอยู่ที่ 181.6% เพื่อเตรียมความพร้อม รองรับความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจที่หดตัวจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ท่ามกลางความท้าทายทางเศรษฐกิจที่หดตัวทั่วโลก โดยยังคงยึดมั่นแนวทางการดำเนินธุรกิจด้วยความระมัดระวังและรอบคอบ ควบคู่กับการดำรงฐานะการเงิน สภาพคล่อง และเงินกองทุนให้อยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง เพื่อรักษาเสถียรภาพทางการเงินที่ยั่งยืน และเตรียมพร้อมรองรับการดำเนินธุรกิจตามบริบทใหม่ (New Normal)

ในปี 2563 ธนาคารมีรายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้น 8.4% จากปี 2562 มาอยู่ที่ 77,047 ล้านบาท เป็นผลจากการรวมรายได้ดอกเบี้ยสุทธิของธนาคารเพอร์มาตาที่เข้าไปถือหุ้นทั้งสิ้น 98.71% อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 21 ธ.ค. 2563 โดยมีส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิอยู่ที่ 2.25% ขณะที่รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิและรายได้จากการดำเนินงานอื่นลดลง สาเหตุหลักจากค่าธรรมเนียมจากการอำนวยสินเชื่อและรายได้จากเงินลงทุน จากการนำมาตรฐานกลุ่มเครื่องมือทางการเงินฉบับใหม่ (ฉบับที่ 9) มาใช้ตั้งแต่ปี 2563

สำหรับค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้น 20% หลัก ๆ จากการรวมค่าใช้จ่ายของธนาคารเพอร์มาตา และการควบรวมสาขาในประเทศอินโดนีเซียเข้ากับธนาคารเพอร์มาตาในเดือนธ.ค.ที่ผ่านมา ส่งผลให้อัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้จากการดำเนินงานอยู่ที่ 55.6%

ณ สิ้นเดือนธ.ค. 2563 ธนาคารมีเงินให้สินเชื่อจำนวน 2,363,338 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.7% จากสิ้นปี 2562 หากไม่รวมธนาคารเพอร์มาตา สินเชื่อเพิ่มขึ้น 2.7% ส่วนใหญ่จากสินเชื่อลูกค้าธุรกิจรายใหญ่ สำหรับอัตราส่วนเงินให้สินเชื่อที่มีการด้อยค่าด้านเครดิตต่อเงินให้สินเชื่อรวมอยู่ที่ 3.9% ธนาคารยังคงให้ความสำคัญในการดูแลกระบวนการอำนวยสินเชื่อและบริหารความเสี่ยง ควบคู่กับการดำรงค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม

ด้านเงินกองทุนและสภาพคล่อง ณ วันที่ 31 ธ.ค.2563 ธนาคารมีเงินรับฝากจำนวน 2,810,863 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.6 %จากสิ้นปี 2562 หากไม่รวมธนาคารเพอร์มาตา เงินรับฝากเพิ่มขึ้น 7.3% ส่วนใหญ่จากเงินรับฝากออมทรัพย์ สำหรับอัตราส่วนเงินให้สินเชื่อต่อเงินรับฝากอยู่ที่ 84.1% สะท้อนถึงสภาพคล่องที่เพียงพอในการรองรับความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ นอกจากนี้ ในวันที่ 23 ก.ย. 2563 ธนาคารออกตราสารหนี้ด้อยสิทธิที่สามารถนับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 1  ภายใต้หลักเกณฑ์ Basel III จำนวน 750 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อเสริมสร้างโครงสร้างเงินกองทุนให้มีความเหมาะสมมากยิ่งขึ้น  มีเงินกองทุนทั้งสิ้น อัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 และอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่เป็นส่วนของเจ้าของต่อสินทรัพย์เสี่ยงอยู่ที่  18.3%   15.7% และ 14.9% ตามลำดับ ซึ่งอยู่ในระดับที่สูงกว่าอัตราขั้นต่ำตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด

 
อ่านข่าว

ธนาคารโหมตั้งสำรองฉุดกำไรปี63 KBANK โตเกินคาด แบงก์ได้ดีแก้ฟรีโฟลท