OKJ เปิดแบรนด์ใหม่ ลุ้นกำไรปีนี้ 269 ลบ. AU บุกเซเว่นฯ Q1 กำไร 75 ลบ.

HoonSmart.com>>หุ้นร้านอาหารปรับตัวขึ้น ปลูกผักเพราะรักแม่ (OKJ) พุ่งขึ้นเฉียด 15 หลังเปิดแบรนด์ไก่ทอดน้องใหม่ “Joe Wings” ผู้บริหารตั้งเป้าจุดคุ้มทุนภายในหนึ่งปี บล.กรุงศรีมองค่าใช้จ่ายเพิ่มไม่มาก กำไรทั้งปี 269 ล้านบาท ชูหุ้นที่เติบโตได้ดี ให้เป้า 12 บาท  ด้าน”อาฟเตอร์ ยู” (AU) บล.โกลเบล็กคาดไตรมาสแรกปีนี้มีกำไร 75 ล้านบาทลดลงจากไตรมาสก่อนจากเข้าสู่เดือนรอมฎอนเดือนมี.ค. แนวโน้มโตส่งขายร้าน 7-Eleven ครบทุก 1.5 หมื่นสาขา ปีนี้กำไร 327  ล้านบาทโต 10%

วันที่  16  เม.ย.2568 หุ้นธุรกิจร้านอาหารปรับตัวขึ้นโดดเด่น  นำโดยบริษัท ปลูกผักเพราะรักแม่ (OKJ) ปิดที่ 8.10 บาท พุ่งขึ้น 1.05 บาท หรือ +14.89% มูลค่าการซื้อขาย 48.37 ล้านบาท บริษัท เอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป (M)  ปิดที่ 17.70 บาท บวก 0.90 บาทหรือ +5.36%มูลค่าซื้อขาย  50.30 ล้านบาท บริษัท อาฟเตอร์ ยู (AU) ปิดที่ 9.85 บาท บวก 0.45 บาทหรือ +4.79% มูลค่าซื้อขาย 10.34 ล้านบาท บริษัท มากุโระ กรุ๊ป (MAGURO) ปิดที่ 17 บาท เพิ่มขึ้น 0.70 บาท +4.29% มูลค่าซื้อขาย 5.10 ล้านบาท  ยกเว้นบริษัท เซ็น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป(ZEN) ปิดที่ 6.05 บาท ลดลง 0.05  บาทหรือ-0.82%)

หุ้น OKJ ปรับตัวขึ้นแรง หลังจากเปิดตัวแบรนด์ไก่ทอดน้องใหม่ “Joe Wings” เมื่อวันที่ 8 เม.ย. 2568 สาขาแรกที่สยามพารากอน  โดย
บล.กรุงศรี มองการเปิดตัวแบรนด์ใหม่ “Joe Wings” มีผลกระทบต่อประมาณการเพียงเล็กน้อย คงคำแนะนำ”ซื้อ”ให้ราคาเป้าหมายที่ 12 บาท เพราะยังคงเป็นหุ้นที่เติบโตได้ดีในกลุ่มร้านอาหาร

สำหรับปัจจัยกระตุ้นการเติบโต ได้แก่ การเติบโตของแบรนด์เดิม และแบรนด์ใหม่ คาดว่ากำไรสุทธิปีนี้อยู่ที่ 269 ล้านบาท  เพิ่มขึ้น 33% จากปีก่อน และเติบโตเฉลี่ยต่อปี2ปี 17% ราคาหุ้นลดลงตามผลประกอบการในไตรมาส 4 ปีที่ผ่านมา ที่น่าผิดหวังและหุ้นซื้อขายที่PER 17 เท่าและ PEG 0.6 เท่า เท่านั้น ซึ่งมองว่าสะท้อนไปแล้วในราคาหุ้น

” การเปิดตัว Joe Wings สอดคล้องกับกลยุทธ์ ในการเปิดตัวแบรนด์ใหม่ทุกปี (ปี 2567 Oh! Juice และ Ohkajhu Wrap&Roll) โดยการนำความนิยมของผลิตภัณฑ์ “โอ้กะจู้” ที่มีอยู่แล้วเข้าสู่ตลาดในขณะที่ตลาดกำลังเผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรงจาก KFC (ส่วนแบ่ง 90% มีสาขามากกว่า 1,000 แห่ง) ราคาไก่ไร้กระดูกของ Joe Wings ที่สูงกว่าเล็กน้อย (119 บาท/5 ชิ้น เทียบกับ 117 บาท/6 ชิ้นของ KFC และ 180 บาท/4 ชิ้นของ Bonchon) บ่งบอกถึงกลยุทธ์ระดับพรีเมียม คาดมี upside เพียงเล็กน้อยต่อประมาณการปี 2568  ของเราที่ 269 ล้านบาทโดยผู้บริหารตั้งเป้าจุดคุ้มทุนภายในหนึ่งปี ซึ่งสอดคล้องกับการเปิดตัวแบรนด์อื่นๆ และตั้งเป้ายอดขายต่อเดือนที่ 3 ล้านบาท (1.5% ของรายได้ในปี 2567 ) โดยมีบิลเฉลี่ย 200 บาท โดยการขยายธุรกิจเพิ่มเติมขึ้นอยู่กับการตอบรับที่ดีจากลูกค้า

ด้าน AU บล.โกลเบล็กคาดการณ์ไตรมาส 1/2568 มีกำไรสุทธิ 75 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 38% เทียบกับปีก่อน (YoY) แต่ลดลง 13% จากไตรมาสก่อน (QoQ) ส่วนรายได้อยู่ที่ 409 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20% YoY แต่ลดลง 5% Q0Q จากแนวโน้ม SSSG ที่เป็นลบ 2-3% จากการเข้าสู่เดือนรอมฎอนในเดือนมี.ค. ส่วนใหญ่กระทบต่อสาขาในภาคใต้ทั้งจากคนในพื้นที่และชาวมาเลเซีย คาดกำไรทั้งปี 2568 ราว 326 ล้านบาท เติบโต 10% จากแผนการขยายสาขา และจำหน่ายสินค้าในร้าน 7-Eleven คงคำแนะนำ “ซื้อ” และประเมินราคาเหมาะสม ราว 13.50 บาท

แนวโน้มผลประกอบการ AU ยังคงเติบโต YoY จากรายได้ของการจำหน่ายสินค้าในร้าน 7-Eleven ที่เริ่มตั้งแต่เดือน ก.ค.67รวมทั้งบริษัทเพิ่งเพิ่มกำลังผลิตจนสามารถวางจำหน่ายสินค้าครบทุกร้าน 7-Eleven 1.5 หมื่นสาขาเมื่อต้นปีที่ผ่านมา (จากช่วงแรกเพียง 7-8 พันสาขา) นอกจากนี้ ยังมีรายได้จากการเป็น Partner กับสายการบินไทยซึ่งมีสัญญาตั้งแต่ 1 ต.ค.2567 จนถึงเดือน พ.ค.2568 ขณะที่ ในช่วงไตรมาสแรกปีนี้ บริษัทมีการเปิดสาขาใหม่ 1 แห่ง ที่ PARC BANGNA ทดแทนการปิดสาขาที่ True Digital Park คงเหลือ  62 แห่ง

“คาดกำไรทั้งปี 68 ราว 327  ล้านบาท  เติบโต 10%  รายได้ราว  1,848 ล้านบาท เติบโต 17% จากปัจจัยหนุน ได้แก่ 1.แผนขยายสาขาร้าน AfterYou 5-6 แห่ง 2.การขยายกำลังการผลิตเพื่อจำหน่ายสินค้าให้ครบร้าน 7-Eleven ทุก 1.5 หมื่นสาขา แล้วเสร็จไปเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา  3.การวางจำหน่ายสินค้าในร้าน7-Eleven ที่เป็น Categories ใหม่เพิ่มเติม ทั้งในรูปแบบ Own Brand และการร่วมมือการ พาร์ทเนอร์ (Collaboration) คาดจะเห็นความคืบหน้าช่วงกลางปีนี้  4.การเปิดร้าน After You ที่เป็นFranchise ในต่างประเทศอีก 1-2 แห่ง และ 5.การทำเมนูใหม่ๆ ซึ่งบริษัทกำลังพัฒนาเมนูอาหารคาว ”

อย่างไรก็ตาม คาดกำไรขั้นต้นอาจปรับลดลงสู่ 64.4% จากปีก่อนอยู่ที่ระดับ 65.7% เนื่องจากสัดส่วนในการขายสินค้าในร้าน 7-Eleven ที่เพิ่มขึ้น แต่มีโอกาสดีกว่าที่คาดจากการปรับราคาสินค้าบางรายการสะท้อนราคาต้นทุนวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้น คงคำแนะนำ “ซื้อ” และประเมินราคาเหมาะสมราว 13.50 บาท  ปัจจุบันราคาหุ้นซื้อขายที่ PE 27 เท่า สูงกว่ากลุ่มเล็กน้อยที่ราว 23 เท่า  (M = 12 เท่า , ZEN = 32 เท่า , MAGURO = 22 เท่า , OKJ = 24 เท่า ) แต่คาดบริษัทมีศักยภาพเติบโตต่อเนื่องในช่วง 4-5ปีจากนี้ราว 10-20% ต่อปี จากแบรนด์ที่ติดตลาด แผนการขยายสาขา ขายแฟรนไชส์ การวางขายสินค้าใน Modern Trade ตลอดจนการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆที่ได้รับกระแสนิยมทุกปี โดยราคาหุ้นมีอัพไซต์จากราคาปัจจุบันราว 35%

———————————————————————————————————————————————————–