SIRI เร่งเปิดใหม่ปี 64 เป้าขาย 2.6 หมื่นล. เน้นราคาต่ำ ซื้อโครงการเพิ่ม

HoonSmart.com>>”แสนสิริ” คุยผลงานปี 63 all time high ประกาศแผนปี 64 ลุยเปิด  24 โครงการใหม่ เน้นขนาดไม่ใหญ่มาก หมุนกระแสเงินสดเร็ว เสนอราคาขายต่ำ เสนอคอนโดมิเนียม ราคา 1 ล้านบาทเศษ ตั้งเป้ายอดขาย 2.6 หมื่นล้านบาท ยอดโอน 2.7 หมื่นล้านบาท พร้อมตุน Backlog 2.77 หมื่นล้านบาท รับรู้ถึงปี 66 โดดอุ้มผู้ประกอบการอสังหาฯรายกลาง-เล็ก เปิดซื้อโครงการ-ที่ดิน พัฒนาต่อ ตั้งงบซื้อที่ดิน 5-7 พันล้านบาท มองหาพันธมิตรเพิ่ม วอนภาครัฐช่วย เลิก LTV หวังกำลังซื้อฟื้น  คาดยอดแบงก์ปฎิเสธสินเชื่อเกิน 30%  จัดแคมเปญ “ผ่อนให้ 24 เดือน” 

นายเศรษฐา ทวีสิน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ (SIRI) เปิดเผยว่า ในปี 2564 บริษัทฯมีแผนจะเปิดโครงการใหม่จำนวน 24 โครงการ ซึ่งเป็นโครงการที่พัฒนาโดยแสนสิริทั้งหมด มูลค่าโครงการรวม 26,000 ล้านบาท ตั้งเป้ายอดขาย 26,000 ล้านบาท และการโอนไว้ 27,000 ล้านบาท โดยยังมียอดขายรอโอน (Backlog) อยู่ที่ 27,700 ล้านบาท รับรู้ถึงปี 2566 ซึ่งช่วยสร้างความมั่นใจได้เป็นอย่างดี และเสริมความแข็งแกร่งในทุกสภาวะเศรษฐกิจ

“เราวางแผนธุรกิจในลักษณะ Conservative  และต่ำกว่าปี 63 ที่ทำได้สูงสุดตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทมา (all time high)โดยมียอดขาย 3.5 หมื่นล้านบาท และยอดโอน 4.5 หมื่นล้านบาท เพราะประเมินว่ากำลังซื้อจะชะลอตัวต่อไปในอีก 12-18 เดือนข้างหน้า โดย  3 ใน 4 ของโครงการเปิดใหม่ทั้งหมดจะมีขนาดไม่ใหญ่ เพื่อสามารถควบคุมจำนวนสินค้าคงเหลือ และกลับมาเป็นกระแสเงินสดได้เร็ว จากปัจจุบันมีกระแสเงินสดประมาณ 15,000 ล้านบาท และบริษัทก็ยังคงเดินหน้าระบายสต็อกอย่างต่อเนื่อง”นายเศรษฐากล่าว

ขณะเดียวกัน บริษัทยังได้ปรับกลยุทธ์ในการพัฒนาโครงการใหม่ที่จะหันมาจับกลุ่มที่อยู่อาศัยระดับราคาที่จับต้องได้ที่ 1 ล้านต้นๆ-2 ล้านบาทต้นๆ โดยจะเปิดโครงการคอนโดมิเนียม 4 โครงการพร้อมกันเร็วๆ นี้ ในทำเลรามคำแหง เกษตร และรัชดาภิเษก จากแผนเปิดคอนโดมิเนียมในปีนี้ทั้งหมด 5 โครงการ มูลค่า 4.1 พันล้านบาท คาดว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้า และเป็นการกลับมาทำคอนโดมิเนียมในระดับราคาล้านต้นๆของบริษัทอีกครั้งในรอบ 10 ปี

อยางไรก็ตามคาดว่ายอดการปฎิเสธสินเชื่อในปีนี้ยังคงสูงกว่าปีก่อน คาดว่าจะทะลุ 30% แต่บริษัทยังคงต้องหาแนวทางกระตุ้นตลาดเพื่อให้เกิดการตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยให้เร็วขึ้น และช่วยธนาคารแบ่งเบาภาระให้กับลูกค้า ด้วยการทำให้เข้าถึงบ้านได้ง่ายและเร็วขึ้น โดยเฉพาะแคมเปญ “แสนสิริผ่อนให้ 24 เดือน” ซึ่งนำกลับมาใช้อีกรอบหลังจากประสบความสำเร็จไปในปีก่อน

นอกจากนี้บริษัทฯเตรียมส่งมอบโครงการคอนโดมิเนียมพร้อมอยู่อีก 3 โครงการที่เพิ่งเปิด มูลค่าโครงการรวม 12,200 ล้านบาท และตั้งป้ายอดโอนจากตลาดต่างชาติปีนี้ประมาณ 3,000 ล้านบาท จากการเริ่มโอนของโครงการ XT ห้วยขวาง และ เอดจ์ เซ็นทรัล พัทยา ซึ่งเชื่อว่าในอนาคตลูกค้าต่างประเทศจะกลับเข้ามาหลังโควิด-19 คลี่คลายลง

บริษัทยังมีแผนการร่วมทุนเพื่อพัฒนาโครงการใหม่ๆ ทั้งแนวราบและแนวสูง ซึ่งบริษัทได้เปิดรับโอกาสให้กับพันธมิตร และมีแผนการเข้าซื้อโครงการอื่นๆ จากผู้ประกอบการรายกลาง-เล็ก ที่นำโครงการหรือที่ดินออกขาย โดยตั้งงบลงทุนสำหรับซื้อที่ดินเปล่าประมาณ 5,000-7,000 ล้านบาท  เพื่อช่วยไม่ให้เกิดหนี้เสียเข้าสู่ระบบและช่วยพยุงเพื่อนร่วมธุรกิจที่เป็นบริษัทขนาดเล็ก-ขนาดกลางให้ยังอยู่รอดได้ ไม่ต้องปิดตัว และก้าวต่อไปด้วยกันได้

สำหรับภาพรวมกลุ่มและทิศทางตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้  การเติบโตในทิศทางเดียวกับเศรษฐกิจ โดยมีตัวผลักดันที่สำคัญ คือ กำลังซื้อของประชาชน  รัฐควรใช้มาตรการกระตุ้นในวงกว้าง ไม่ว่าจะเป็น มาตรการลดหย่อนค่าธรรมเนียมการโอน หักลดหย่อนภาษีดอกเบี้ยค่าใช้จ่ายจากการผ่อนบ้านในอัตราที่สูงขึ้น ขยายระยะเวลาการเช่าระยะยาวจาก 30 ปี เป็น 99 ปีเป็นอย่างน้อย เพื่อดึงดูดนักลงทุนต่างชาติ ให้เข้ามาอยู่ มาท่องเที่ยว ซึ่งจะนำมาซึ่งการใช้จ่าย ก่อให้เกิดการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจในวงกว้าง รวมถึงอยากให้สนับสนุนการเพิ่มกำลังซื้อของผู้ที่ต้องการที่อยู่อาศัย โดยให้สถาบันการเงินของรัฐ จัดสรรเงินจำนวนหนึ่งในอัตราดอกเบี้ยที่ถูก เพื่อให้ผู้ที่ต้องการมีบ้านหลังแรกเข้าถึงได้  และยกเลิกมาตรการ LTV ด้วย ” นายเศรษฐา กล่าว