โบรกฯ มองบวก SAWAD ผนึก “ออมสิน-โนเบิล” หนุนกำไรโต

HoonSmart.com>> โบรกฯ มองบวก SAWAD ผนึก “ออมสิน” รุกธุรกิจสินเชื่อทะเบียนรถยนต์ หนุนเติบโตปี 64-65 ฐานลูกค้าออมสินหนุน ส่วนการดึง NOBLE ร่วมทุนธุรกิจบริหารสินทรัพย์ เร่งการระบาย NPL ในพอร์ต สร้างมาร์จิ้นเพิ่ม แนะ “ซื้อ” บล.เคทีบี ให้เป้า 66 บาท บล.หยวนต้าให้ 63.50 บาท

หุ้น SAWAD (ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น) เช้าวันที่ 18 พ.ย.2563 ขยับขึ้นรับข่าวการร่วมทุนธนาคารออมสิน เปิดปรับตัวขึ้นแตะ 55.75 บาท เพิ่มขึ้น 1.36% และขึ้นแตะสูงสุด 56 บาท ก่อนย่อตัวลงมา ณ เวลา 10.06 น. อยู่ที่ 55.25 บาท +0.25 บาท หรือ +0.45% มูลค่าการซื้อขาย 597.62 ล้านบาท

ด้านหุ้นลิสซิ่งอื่นปรับตัวลดลง MTC (เมืองไทย แคปปิตอล) ราคาย่อตัวลงมาอยู่ที่ 53.50 บาท ลดลง 1.75 บาท หรือ -3.17% มูลค่าการซื้อขาย 175.46 ล้านบาท ส่วน AMANAH (อะมานะฮ์ ลิสซิ่ง) ปรับตัวลดลง 4.93% หรือ 2.70 บาท ลงมาอยู่ที่ 2.70 บาท

บริษัทหลักทรัพย์ดีบีเอส วิคเคอร์ส มองดีล SAWAD ร่วมทุนธนาคารออมสินจะช่วยหนุนการเติบโตของบริษัทในปี 64-65 ซึ่งมาจากการได้ฐานลูกค้าใหม่ที่มาจากธ.ออมสิน และแม้ว่าธุรกิจส่วนนี้อาจจะได้สเปรดน้อยลงไปบ้างตามนโยบายของธนาคารออมสินที่ต้องการปล่อยสินเชื่อในอัตราที่ลดลงเป็น 18% (จากปัจจุบัน 24%) แต่ด้วยรายได้ที่เติบโต ก็คาดว่าดีลนี้จะสร้างส่วนเพิ่มกำไรเข้ามาใน SAWAD ได้ ทางด้านความเสี่ยงเรื่องกฎระเบียบ เห็นว่าหลังจากนี้จะน้อยลง เพราะธปท.ได้ออกเกณฑ์ใหม่ที่สำคัญสำหรับกลุ่มไฟแนนซ์ไปแล้วในช่วงที่ผ่านมา

ทางฝ่ายวิจัยฯ DBS คาดการณ์ว่ากำไรสุทธิปี 64F จะเติบโต +11% (ยังไม่รวมผลดีจากส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทที่ JV กับธ.ออมสิน) ปัจจุบันฝ่ายวิจัยฯ DBS ให้ราคาพื้นฐานไว้ที่ 57 บาท

ทั้งนี้ บอร์ด SAWAD อนุมัติให้บริษัทร่วมทุนกับธนาคารออมสิน ผ่านบริษัทย่อย คือ บริษัท เงินสดทันใจ จำกัด เพื่อดำเนินธุรกิจสินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นหลักประกัน (สินเชื่อจำนำทะเบียนรถ) โดยทางธนาคารออมสินจะร่วมลงทุนไม่เกิน 1,500 ล้านบาท และถือหุ้นสัดส่วน 49% ส่วนทาง SAWAD ถือ 51% คาดว่าดีลจะแล้วเสร็จและเริ่มทำธุรกิจได้ต้นปี 64

บล.หยวนต้า ประเมินในเบื้องต้นมอง Synergy จากดีลดังกล่าวจะทำให้ 1) SAWAD มีศักยภาพในการดึงดูดลูกหนี้กลุ่ม Low Risk Low Yield เข้ามาใช้บริการกับบริษัทมากขึ้น จากเดิมที่ลูกค้าดังกล่าวมักไปอยู่กับ Non-Bank ที่มีธนาคารพาณิชย์ถือหุ้น อย่าง เงินติดล้อ (กรุงศรี) และสมหวัง (ทิสโก้) รวมถึงลูกค้าในกลุ่มของธนาคารออมสินที่ต้องการสินเชื่อจำนำทะเบียนเพิ่มเติมจากสินเชื่อที่ขอกับธนาคาร และกลุ่มลูกค้าที่ต้องการต้นทุนดอกเบี้ยต่ำแต่ไม่มีเครดิตบูโรหรือ Statement ของ MTC

2) ต้นทุนทางการเงินมีโอกาสปรับลดลงจากปัจจุบัน Cost of Fund ของ SAWAD อยู่ที่ 3.7% ซึ่งถือว่าสูงเทียบกับ Cost of Fund ที่จะได้รับจากธนาคารออมสินที่ 2% เพื่อรักษาระดับของ NIM ให้อยู่ที่ 16-17% ใกล้เคียงกับ NIM ของบริษัท

นอกจากนี้คาด SAWAD จะมีการจัดโครงสร้างการให้สินเชื่อใหม่อีกครั้งเพื่อแบ่งพอร์ตและ Segment ของบริษัทในกลุ่มให้ชัดเจนเพื่อป้องกันไม่ให้เกิด Conflict of Interest เนื่องจากการทำธุรกิจของ FM คาดจะมีบางส่วนที่ทับซ้อนกับธุรกิจเดิมของ S2014 โดยอาจเป็นในลักษณะเดียวกันกับ BFIT นั้นคือให้ FM เป็นบริษัทที่ออกสัญญาสินเชื่อและเป็นผู้ถือใบอนุญาตในการประกอบธุรกิจ (ปัจจุบัน FM มีใบอนุญาตนาโนไฟแนนซ์และสินเชื่อส่วนบุคคล) และสัญญาใช้บริการบริหารจัดหาและติดตามสินเชื่อจาก S2014 ที่เป็นเจ้าของสาขาทั้งหมดในเครือ SAWAD เพื่อรักษาระดับผลตอบแทนของ SAWAD ในกรณีที่มีการเพิ่มสัดส่วนสินเชื่อใน FM มากขึ้น ทั้งนี้เราคาดจะเห็นความชัดเจนและรายละเอียดของดีลดังกล่าวมากขึ้นในการประชุมนักวิเคราะห์

ภาพระยะยาวมองว่าดีลดังกล่าวจะเป็นบวกกับ SAWAD จาก Synergy ด้านฐานลูกค้าและต้นทุนทางการเงิน จึงยังคงคำแนะนำ ซื้อ สำหรับ SAWAD โดยมองทิศทางกำไรในช่วง 4Q63 โตได้ YoY หนุนด้วยพอร์ตสินเชื่อที่เติบโตขึ้น และการตั้งสำรองที่ผ่อนคลายลง ส่วนราคาหุ้นปัจจุบันมี Upside 15.5% จากมูลค่าพื้นฐานที่ 63.50 บาท (วิธี GGM)

นอกจากนี้ยังมองบวกต่อการร่วมทุนของ NOBLE ใน SWP AMC สัดส่วน 20% คาดเห็นการนำสินทรัพย์ NPL ที่มีหลักประกันของ SWP AMC มาพัฒนาต่อเป็นบ้านหรือคอนโด เพื่อเร่งการระบาย NPL ในพอร์ต และสร้าง Margin ให้กับธุรกิจมากขึ้น

บล.เคทีบี (ประเทศไทย) แนะ “ซื้อ” หุ้น SAWAD ราคาเป้าหมาย 66.00 บาท มองผลบวกในระยะยาวจากการร่วมทุนกับธนาคารออมสิน คาดว่าธุรกิจสินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นประกัน จะช่วยเพิ่มกำไรของ SAWAD ในระยะยาว

โดยมีประเด็นสำคัญ คือ

1. เราประเมินว่าราคาขายหุ้น FM ที่ 306 บาท/หุ้น นั้นมีความน่าสนใจ โดยคิดเป็น PBV ที่เพียง 2.8x (อิง 2019 FM BVPS ที่ 843.8 ล้านบาท) ต่ำกว่าผู้ประกอบการธุรกิจสินเชื่อ Consumer finance ที่เทรดที่ 2020E PBV 3.4x

2. คาด GSB จะถือหุ้นใน FM ที่ 43-49% อิงมูลค่าการซื้อหุ้นสามัญเดิมใน FM ไม่เกิน 198.9 ล้านบาท และราคาขายที่ 306 บาท/หุ้น และความตั้งใจของ GSB ที่จะไม่ถือหุ้นเกิน 49%

3. คาด FM จะมีทุนจดทะเบียนใหม่ที่ประมาณ 3,061 ล้านบาท (เดิมมีทุนจดทะเบียนที่ 150 ล้านบาท และ SAWAD ถือ 99%) อิงสัดส่วนการถือหุ้นของ GSB ที่ไม่เกิน 49.00% ด้วยเงินลงทุนไม่เกิน 1,500 ล้านบาท และ SAWAD จะถือหุ้นบริษัท FM ที่ 51.00% โดย FM จะสามารถเริ่มปล่อยสินเชื่อจำนำทะเบียนรถภายใต้ใบอนุญาตสินเชื่อส่วนบุคคลที่ SAWAD มีอยู่แล้วได้ โดยไม่ต้องขอใบอนุญาตใหม่

4. SAWAD มีความสามารถที่จะเพิ่มทุนใน FM ได้ (คาดงบเพิ่มทุนที่ประมาณ 1.35 พันล้านบาท) จากเงินสด ณ สิ้น 3Q20 ที่ 2.26 พันล้านบาท

5. FM หลังเพิ่มทุน จะช่วยเพิ่มกำไรของ SAWAD ในระยะยาว จาก i) FM จะสามารถเพิ่มประเภทสินเชื่อ (สินเชื่อจำนำทะเบียน) จาก ณ ปัจจุบันที่ปล่อยเพียงสินเชื่อรถจักรยานยนต์ใหม่, สินเชื่อส่วนบุคคล และนาโนไฟแนนซ์ รวมเป็นประมาณ 10% ของสินเชื่อรวม (หรือประมาณ 4.2 พันล้านบาท) และ ii) คาด FM จะสามารถปล่อยสินเชื่อใหม่ได้เพิ่มขึ้นสูง จากฐานเงินทุนที่สูงขึ้น (ส่วนทุนที่ 3.0 พันล้านบาท และคาดเงินกู้ยืมได้สูงถึง 1.2 หมื่นล้านบาท อิง D/E ไม่เกิน 4.0x ต่ำกว่า SAWAD Covenant ที่ไม่เกิน 6.0x)

6. FM จะเริ่มปล่อยสินเชื่อใหม่จากสินเชื่อจำนำทะเบียนรถจักรยานยนต์ (yield 18%) เป็นสินเชื่อแรก เนื่องจากไม่ได้ทับซ้อนกับสินเชื่อเดิมที่ S2014 (บริษัทย่อย SAWAD) ดำเนินงานอยู่ในปัจจุบัน และคาดว่าในปีๆหนึ่งบริษัทจะสามารถปล่อยสินเชื่อประมาณ 3.5 พันล้านบาท ใกล้เคียงกับสินเชื่อจำนำทะเบียนรถจักรยานยนต์ของ MTC ที่เพิ่มสุทธิเฉลี่ยปีละ 3.5 พันล้านบาท

7. คาดว่าการปล่อยสินเชื่อจำนำทะเบียน จะช่วยเพิ่มกำไรสุทธิให้ SAWAD ที่ประมาณ 20 ล้านบาท (คิดเป็น upside +0.4% ต่อกำไรสุทธิปี 2021E) ต่อทุกๆสินเชื่อใหม่ที่ปล่อยเพิ่ม 1.0 พันล้านบาท (อิง loan yield 18%, Cost of fund 2%, Cost to income 39% ใกล้เคียงกับ SAWAD ในปัจจุบัน และอัตราการตั้งสำรองฯที่ LLR/Loan 2% ใกล้เคียงกับ MTC ที่เป็นเจ้าตลาดในสินเชื่อจำนำทะเบียนรถจักรยานยนต์)

อ่านข่าว

แบงก์ออมสินเลือกร่วมทุนลูก SAWAD ทุ่ม1,500 ลบ.ถือหุ้น 49%บุกสินเชื่อทะเบียนรถ

SAWAD ผนึกโนเบิลฯ ดึงถือหุ้นบ.ย่อยธุรกิจบริหารสินทรัพย์สัดส่วน 20%